CONSENSUS: โบรกฯเชียร์ ซื้อ BJC มองกำไรโค้งสุดท้ายโตสูงสุดรอบปี, อัพไซด์เด่นปี 64

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday December 14, 2020 14:47 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะนำ"ซื้อ"หุ้น บมจ.เบอร์ลี่ ยุคเกอร์ (BJC) ราคาหุ้นเข้าข่าย Laggard ขึ้นช้ากว่ากลุ่มฯ ด้านปัจจัยพื้นฐานลุ้นกำไรโค้งสุดท้ายปี 63 เติบโตสูงสุดรอบปี ตามปัจจัยบวกฤดูกาล ขณะที่ธุรกิจค้าปลีกผ่าน "Big C" ส่งซิกฟื้นตัวชัดขานรับอานิสงส์มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ ทั้งช้อปดีมีคืน,เราเที่ยวด้วยกัน และ คนละครึ่ง

ส่วนกลุ่มเวชภัณฑ์เล็งรับประโยชน์งบประมาณปี 64 รับลูกค้าเป็นโรงพยาบาลรัฐ และกลุ่มบรรจุภัณฑ์มองสัญญาณโตต่อเนื่องตามคำสั่งซื้อลูกค้าเพิ่ม

จับตาแนวโน้มกำไรปี 64 ลุ้นโตกระโดดเกือบ 60% เหตุปรับโครงสร้างลดค่าใช้จ่ายและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวเริ่มพลิกฟื้นตัว หนุนอัพไซด์ยังเด่นในปีหน้า

พักเที่ยงราคาหุ้น BJC อยู่ที่ 39.25 บาท เพิ่มขึ้น 1.25 บาท หรือ 3.29% ขณะที่ดัชนีหุ้นไทย ลดลง 0.17%

          โบรกเกอร์                     คำแนะนำ                 ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
          เคทีบี (ประเทศไทย)               ซื้อ                        43.00
          โนมูระ พัฒนสิน                 ซื้อลงทุนระยะยาว                41.00
          หยวนต้า (ประเทศไทย)             ซื้อ                        47.00
          ยูโอบี เคย์เฮียนฯ                  ซื้อ                        39.00
          เมย์แบงก์ กิมเอ็งฯ                 ซื้อ                        46.00
          แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์               ซื้อเก็งกำไร                   41.00
          ทิสโก้                           ซื้อ                        41.00
          ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ                 ซื้อ                        40.00

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ฝ่ายวิจัยฯมีมุมมองเชิงบวกหุ้น BJC และเลือกเป็นหนึ่งในหุ้นเด่นของกลุ่มค้าปลีกที่ปัจจุบันคงน้ำหนักการลงทุน "มากกว่าตลาด"

แม้ว่าช่วงนี้ภาพรวมดัชนีตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างร้อนแรง แต่หากประเมินมูลค่าหุ้น BJC ที่ซื้อขายบน P/E อยู่ที่ 22-23 เท่าภายใต้สมมติฐานกำไรต่อหุ้น (EPS) ของปี 64 เมื่อเทียบกับหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมค้าปลีกที่ซื้อขายบน P/E เฉลี่ย 27-28 เท่า ทำให้มีความน่าสนใจด้าน Valuation เข้าข่ายหุ้น Laggard หรือราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นช้ากว่ากลุ่มฯ ขณะเดียวกันเมื่อนำปัจจัยพื้นฐานมาประกอบแล้วพบว่ามีอัพไซด์น่าลงทุนจากราคาพื้นฐานที่ 47 บาท

สำหรับแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 มีโอกาสเห็นการเติบโตต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจค้าปลีกผ่านสาขา "Big C" ส่วนหนึ่งจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลและได้ประโยชน์จากนโยบายกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศของภาครัฐ เช่น ช้อปดีมีคืน ,เราเที่ยวด้วยกัน ,คนละครึ่ง เป็นต้น ด้านกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค พบว่ายอดขายโตต่อเนื่องโดยเฉพาะสินค้ากระดาษทิชชู่ที่บริษัทเพิ่มสินค้าใหม่หลายแบรนด์ เช่น Cellox Purify Line Friends ,Cellox Purify Premium 3 ply ,Maxmo Giant Roll , DMP Triple Moisture

ส่วนภาพรวมธุรกิจกลุ่มเวชภัณฑ์และเครื่องมือเครื่องจักรมองเห็นสัญญาณเติบโต ยอดขายที่ดีตอบรับกับปัจจัยบวกอนุมัติงบประมาณปี 64 ของภาครัฐ เพราะลูกค้าส่วนหนึ่งของ BJC เป็นโรงพยาบาลรัฐ เช่นเดียวกับธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดเห็นการเติบโตตามคำสั่งซื้อของลูกค้าเพิ่มในสินค้ากระป๋องประเภทแอลกอฮอล์และกลุ่มขวดไวตามิลค์ ขณะที่ระดับมาร์จิ้นยังทำได้ดีต่อเนื่อง ต้นทุนวัตถุดิบ เช่น ค่าก๊าซฯ และราคาต้นทุน ขณะเดียวกันมีการปิดซ่อมบำรุงในกลุ่มขวดแก้วซึ่งมีผลกระทบต่อต้นทุนบางส่วน แต่ไม่กระทบกับรายได้อย่างเป็นนัย

บล.เคทีบี (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ว่า แม้ว่าจะปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 63 ของ BJC ลงเล็กน้อยประมาณ 4% มาอยู่ที่ 4.1 พันล้านบาท หรือหดตัว 44% เมื่อเทียบกับปีก่อน เนื่องจากยอดขายต่อสาขาเดิมของ Big C ยังอยู่ระดับติดลบ 16% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน จากเดิมที่คาดติดลบ 12%

แต่ฝ่ายวิจัยฯมองเห็นสัญญาณเชิงบวกต่อการฟื้นตัวในระยะถัดไปได้ปรับคำแนะนำเป็น "ซื้อ" จากเดิม "ถือ" กำหนดราคาพื้นฐานอยู่ที่ 43 บาทภายใต้สมมติฐานเป้าหมายกำไรต่อหุ้นปี 64 และ Rerate กลับมาใช้ P/E ในระดับที่ก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19 เพราะคาดหวังเห็นภาคการท่องเที่ยวในประเทศฟื้นตัวปี 64 ประมาณการกำไรปี 64 ของ BJC อยู่ที่ 4.9 พันล้านบาท หรือเติบโต 19% จากปีนี้

บทวิเคราะห์บล.โนมูระ พัฒนสิน คงคำแนะนำ "ซื้อลงทุนระยะยาว" สำหรับ BJC ภายหลังจากได้รับข้อมูลจากงาน Opportunity day เมื่อวันที่ 4 ธ.ค.63 ทำให้คาดการณ์ว่าแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 4/63 น่าจะค่อยๆ ฟื้นตัวจากไตรมาส 3/63 คาดกำไรอยู่ที่ 1.3-1.4 พันล้านบาท ส่งผลให้ภาพรวมกำไรทั้งปี 63 มาอยู่ที่ 4-4.1 พันล้านบาทใกล้เคียงกับที่ฝ่ายวิจัยฯประมาณการ แต่ปี 64 น่าจะเห็นการเติบโตโดดเด่น เบื้องต้นประมาณการกำไรอยู่ที่ 6.6 พันล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึง 57%

ส่วน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ระบุในบทวิเคราะห์ มองบวกกำไรไตรมาส 4/63 ของ BJC เติบโตเป็นระดับสูงสุดของปีตามปัจจัยฤดูกาลในทุกกลุ่มธุรกิจทั้ง Big C ,บรรจุภัณฑ์ ,กลุ่มเวชภัณฑ์ นอกจากนั้นเริ่มเห็นผลเชิงบวกตามแผนลดต้นทุนและค่าใช้จ่ายจากการปรับโครงสร้างองค์กรที่เริ่มเห็นผลเต็มที่ในไตรมาส 4/63 เช่น แผนลดค่าใช้จ่ายในส่วนพนักงาน 250 ล้านบาทต่อไตรมาส และปี 64 ได้ผลบวกเต็มปีลดค่าใช้จ่ายประมาณ 1 พันล้านบาทส่งผลให้แนวโน้มกำไรจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญในปี 64


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ