OR แจงแผนขยายธุรกิจหลังเข้าตลาดหุ้นภายใต้แผนลงทุน 5 ปี (64-68) 7.46 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 20, 2021 14:04 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริหารการเงิน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) หรือ โออาร์ เปิดเผยในการชี้แจงแผนธุรกิจหลังจากระดมทุนผ่านการเสนอขายหุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) โดยตั้งงบลงทุนในช่วง 5 ปี (ปี 64-68) ราว 7.46 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นลงทุนในธุรกิจน้ำมัน 34.6% ธุรกิจค้าปลีกและบริการอื่นๆ (Non-Oil) 28.6% ธุรกิจต่างประเทศ 21.8% และธุรกิจอื่นๆ 15% ที่เป็นการเปิดโอกาสในธุรกิจใหม่

ทั้งนี้ งบลงทุนของธุรกิจ Non-Oil และธุรกิจต่างประเทศ มีสัดส่วนเงินลงทุนสูงกว่ากำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เพราะมองว่า ทั้งสองธุรกิจมีโอกาสเติบโตสูง ขณะที่บริษัทยังมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E) ณ งวด 9 เดือนแรกของปี 63 อยู่ที่ 0.8 เท่า

ด้านนางสาวราชสุดา รังสิยากูล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า กลยุทธ์การเติบโตในด้านตลาดค้าปลีก บริษัทมีแผนขยายสถานีบริการน้ำมัน (ปั๊ม) PTT Station ปีละ 100 สาขา ให้เป็น 2,500 แห่งในปี 68 จากปัจจุบัน 1,968 แห่ง โดยจะใช้กลยุทธ์ลงทุนต่ำด้วยการให้ดีลเลอร์ที่ต้องการขยายสถานีฯเป็นผู้ลงทุนหลักในสัดส่วน 80% และบริษัทลงทุน 20%

ขณะเดียวกันก็มีแผนเพิ่มสินค้าใหม่ในปั๊ม PTT ได้แก่ พรีเมียมเบนซิน และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ คือ การเพิ่มสถานี EV Charging ในปั๊มที่อยู่ตามแนวเส้นทางหลักทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีอยู่ 25 แห่ง

รวมทั้งจะขยายฐานรายได้และขีดความสามารถในการทำกำไรจากธุรกิจ Non oil ด้วยการเพิ่มความหลากหลายของบริการอาหารและเครื่องดื่มในปั๊ม โดยเฉพาะการซื้อแบรนด์ใหม่เข้ามาเพิ่ม พร้อมไปกับแผนขยายร้านเดิมที่มีอยู่ เช่น เปิดร้านคาเฟ่ อะเมซอน เพิ่มอีก 2,100 สาขา เน้นรูปแบบแฟรนไชส์ กว่า 60% จะอยู่นอกปั๊ม (Stand Alone)

นอกจากนั้น โออาร์จะลงทุนโรงงานผลิตเบเกอรี่ โรงงานผงผสมเครื่องดื่ม และ ขยายร้าน Texas Chicken อีกกว่า 20 สาขา/ปี และขยายร้านสะดวกซื้อ ทั้งร้าน 7-11 และจิฟฟี่ ให้ครบทุกปั๊ม รวมถึงสรรหาคู่ค้าเพื่อร่วมลงทุนสร้างแบรนด์อาหารและเครื่องดื่มใหม่ นอกเหนือจากการเข้าซื้อแบรนด์และรับสิทธิมาสเตอร์แฟรนไชส์เข้ามาเพิ่ม

ส่วนธุรกิจต่างประเทศ จะเน้นในฟิลิปปินส์ ลาว และ กัมพูชา ด้วยการขยายสาขาปั๊ม PTT Station อีกกว่า 350 แห่ง พร้อมไปกับการขยายสาขาคาเฟ่ อะเมซอน อีกกว่า 310 สาขา และขยายธุรกิจ LPG พร้อมคลังเก็บผลิตภัณฑ์ และธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่น ที่จะมีการเจาะฐานลูกค้าใหม่ ในเมียนมาและลงทุนคลังเก็บผลิตภัณฑ์ ขยายธุรกิจ B20 เชิงพาณิชย์

ขณะที่การขยายธุรกิจในจีนจะขยายร้านคาเฟ่ อะเมซอน และขยายธุรกิจผลิตภัณฑ์หล่อลื่นในโอมาน และจะมอบสิทธิมาสเตอร์ แฟรนไชส์ ของร้านคาเฟ่ อะเมซอนให้กับบริษัทน้ำมันแห่งชาติของโอมาน ส่วนในเวียดนามได้ร่วมทุนกับกลุ่มเซ็นทรัล ขยายสาขาร้านคาเฟ่ อะเมซอน ในทำเลหลัก

บริษัทยังจะมองหาร่วมลงทุนกับพันธมิตรทางธุรกิจรายใหม่ และมองโอกาสการลงทุนหรือซื้อกิจการ (M&A) เพื่อขยายธุรกิจใหม่ ซึ่งที่ผ่านมาโออาร์ได้เข้าไปร่วมลงทุน FLASH ธุรกิจอีคอมเมิร์ซครบวงจร , ร่วมลงทุน PEABERRY ในธุรกิจกาแฟครบวงจร ตั้งแต่เครื่องชงกาแฟ เมล็ดกาแฟ ที่จะช่วยสร้างความหลากหลายให้โออาร์

นางสาวจิราพร ขาวสวัสดิ์ รักษาการแทนประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ OR กล่าวว่า จุดเด่นของโออาร์ที่น่าสนใจลงทุน เพราะโออาร์อยู่ในใจคนไทยต่อเนื่องตลอด 40 ปี โดยผู้บริโภคให้ความมั่นใจทั้งคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และตอบโจทย์ให้ครบครันได้ที่เดียวภายในสถานีบริการ PTT Station โดยมีส่วนแบ่งการตลาดการขายปลีกน้ำมัน 38.9% เป็นอันดับ 1 ต่อเนื่องมา 3 ปีแล้ว

โออาร์ ยังเป็นผู้นำตลาดในทุกผลิตภัณฑ์ ทั้งการเติมน้ำมันเครื่องบิน, LPG ภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน และ ผลิตภัณฑ์น้ำมันหล่อลื่น สิ่งที่ครองใจ เพราะบริษัทเข้าถึงแหล่งพลังงานที่มั่นคงและคุณภาพ ทั้งในกลุ่ม ปตท. และนอกกลุ่มปตท. ซึ่งบริษัทสามารถส่งมอบให้ลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ เนื่องจากมีคลังเก็บผลิตภัณฑ์ทั้งหมด 53 คลัง ส่งมอบให้ลูกค้าทุกช่องทาง ทางเรือ รถไฟ ท่อขนส่งน้ำมัน ทางบก

ส่วนกลุ่มค้าปลีก ได้แก่ คาเฟ่ อะเมซอน ซึ่งเปิดร้านแรกเมื่อปี 45 และปี 55 เปลี่ยนร้านค้าเป็นแบบแฟรนไชส์ ทำให้การขยายสาขาทำได้อย่างรวดเร็ว และได้ขยายธุรกิจไปต่างประเทศมีอยู่ 10 ประเทศ ทั้งนี้ คาเฟ่ อะเมซอน เป็นแบรนด์ร้านกาแฟที่ใหญ่ที่สุดอันดับ 6 ของโลก และสร้างรายได้เป็นอันดับที่ 12 ของโลก

ทั้งนี้ โออาร์ยังเติบโตตอบสนองความต้องการผูบริโภคด้วยการเป็นพันธมิตรกับร้าน 7-11 ในปั๊มน้ำมันมาตั้งแต่ปี 46 และต่อเนื่องทุกวันนี้ และยังมีร้านจิฟฟี่ เป็นร้านสะดวกซื้ออีกแบรนด์หนึ่ง และบัตรบลูการ์ดก็มีสมาชิก 6.7 ล้านราย ณ สิ้นเดือน ก.ย.63 รวมทั้งแฟรนไชส์ประสบความสำเร็จ ได้ขยายธุรกิจไปต่างปะรเทศ จัดตั้งบริษัทย่อยแรกที่กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์

นางสาวจิราพร กล่าวว่า โออาร์ ยังขะเป็นบริษัทแกนนำหลักของกลุ่ม ปตท. ต่อไป โดยเชื่อมั่นว่าหลัง IPO ปตท.จะยังคงเป็นผู้ถือหุ้นหลักและได้รับการสนับสนนุนของกลุ่ม ปตท.อย่างต่อเนื่อง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ