นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า สมาคมจะสำรวจความคิดเห็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ครั้งใหม่ใน พ.ย.50 หลังจากบริษัทจดทะเบียนประกาศผลประกอบการในไตรมาส 3/50 โดยจะเน้นประเด็นความคาดหวังต่อผลการเลือกตั้ง เนื่องจากมองว่าปัจจัยทางการเมืองจะมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วงดังกล่าว "การสำรวจความคิดเห็นในเดือนพ.ย เกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเราจะสำรวจถึงเรื่องการเลือกตั้ง มีการสอบถามถึงข้อเสนอแนะสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ รวมทั้งให้ประเมินผลการเลือกว่าพรรคการเมืองใดชนะการเลือกตั้งแล้วจะส่งผลอย่างไรต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ เป็นประเด็นที่ไม่เคยสำรวจมาก่อน"นายสมบัติ กล่าว เบื้องต้นมองว่าปัจจัยการเมืองจะกลับมาเป็นปัจจัยที่ดีต่อการลงทุน จากก่อนหน้าที่เคยเป็นปัจจัยลบมาโดยตลอด เนื่องจากการเลือกตั้งมีความชัดเจนมากขึ้นในช่วง 3 เดือนที่เหลือของปี และมีความคาดหวังว่าทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลจะเร่งผลักดันให้เศรษฐกิจเดินหน้า ส่วนปัญหาซับไพร์มได้เริ่มสะท้อนออกมาในราคาหุ้นทั่วโลกแล้วในช่วงที่ผ่านมา และมองว่าในช่วงไตรมาส 4 สถาบันการเงินต่างประเทศจะเริ่มเปิดเผยถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการลงทุนในตลาดซับไพร์ม หากได้รับความเสียหายมากก็อาจทำให้เกิดความกังวลเพิ่มขึ้น แต่หากมีเสียหายน้อยก็จะไม่ส่งผลกระทบรุนแรงต่อตลาดหุ้น อย่างไรก็ตาม จากปัจจัยดังกล่าวสมาคมนักวิเคราะห์ก็ยังไม่ได้มีการปรับเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีนี้ที่ผลสำรวจครั้งก่อนมองไว้ที่ 871 จุด และมองว่าปีหน้าอยู่ที่ระดับ 1,033 จุดหลังจากปัจจัยลบหมดลงไป และจากการสอบถามความเห็นของนักวิเคราะห์ ยังมองว่า อัตราการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนในปี 2551 จะขยายตัว 12-15% จากปี 2550 ที่มีการเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนเพียง 3% ซึ่งเป็นไปตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปีหน้า โดยกลุ่มธนาคารพาณิชย์จะโดดเด่นหลังจากที่ได้มีการตั้งสำรองไปหมดแล้วในปีนี้ รวมทั้งการขยายตัวของสินเชื่อที่ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ และกลุ่มวัสดุก่อสร้างที่น่าจะฟื้นตัวตามกำลังซื้อที่กลับมา