ทริสฯ คงอันดับเครดิตองค์กร-หุ้นกู้ BTSC ที่ A แนวโน้ม Negative

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday May 28, 2021 10:41 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ทริสเรทติ้งคงอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บมจ.ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ (BTSC) ที่ระดับ "A" พร้อมแนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ"

อันดับเครดิตองค์กรของบริษัทสะท้อนถึงสถานะของบริษัทในการเป็นบริษัทลูกหลักของ บมจ. บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) โดยอันดับเครดิตของบริษัทอยู่ในระดับเดียวกับอันดับเครดิตของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ระดับ "A/Negative" ซึ่งจัดอันดับโดยทริสเรทติ้ง) โดยบริษัทเป็นแหล่งรายได้และกำไรหลักของกลุ่มบีทีเอส เนื่องจากเป็นผู้ถือสัญญาสัมปทานในการให้บริการ "รถไฟฟ้าสายสีเขียว" และเป็นผู้ดำเนินงานรถไฟฟ้าซึ่งให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M Contract) สำหรับรถไฟฟ้าทุกระบบที่ดำเนินงานโดยกลุ่มบีทีเอส

นอกจากนี้ บริษัทยังเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอสและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสผ่านบริษัทย่อยคือ บมจ. วี จี ไอ (VGI) อีกด้วย ในส่วนของผลการดำเนินงานทางการเงินนั้น บริษัทมีผลงานเป็นที่น่าพอใจอย่างต่อเนื่องและยังคงเป็นผู้สร้างรายได้ส่วนใหญ่ให้แก่กลุ่มบีทีเอส โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 รายได้รวมของบริษัทคิดเป็น 96% ของรายได้รวมของ BTS

ประเด็นสำคัญที่กำหนดอันดับเครดิต

  • ถือสัญญาสัมปทานและสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าสำหรับการดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว บริษัทถือสัญญาสัมปทานรูปแบบ Build-Transfer-Operate อายุ 30 ปีในโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนหลักซึ่งได้รับการอนุมัติจากกรุงเทพมหานครให้ดำเนินงานในช่วงระหว่างปี 2542-2572

โดยในปี 2556 บริษัทได้ขายรายได้จากผู้โดยสารสุทธิจากการดำเนินงานในอนาคตภายใต้สัญญาสัมปทานให้แก่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนทางรางบีทีเอสโกรท (BTSGIF) เป็นเงินจำนวน 6.1 หมื่นล้านบาท และยังได้ทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าจำนวน 2 ฉบับกับ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยทางธุรกิจของกรุงเทพมหานครด้วย โดยสัญญาฉบับแรกได้มีการลงนามไปในปี 2555 ซึ่งครอบคลุมรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนแรกและรถไฟฟ้าส่วนหลัก ในขณะที่สัญญาฉบับที่ 2 ได้มีการลงนามในปี 2560 ซึ่งครอบคลุมรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายส่วนที่ 2 ซึ่งสัญญาทั้ง 2 ฉบับนี้จะหมดอายุพร้อมกันในปี 2585

รายได้ของบริษัทจากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าถือเป็นสัดส่วนหลักของกลุ่มบีทีเอส โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 รายได้จากการให้บริการดังกล่าวคิดเป็นสัดส่วน 59% ของรายได้ของกลุ่มบีทีเอสอีกทั้งยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องและสามารถคาดการณ์ได้ในระดับสูงเนื่องจากมีการกำหนดอัตราค่าบริการแบบตายตัวไว้แล้ว ทั้งนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 รายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นเป็น 3.8 พันล้านบาทเมื่อเทียบกับระดับประมาณ 2.6 พันล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาหลังจากที่บริษัทให้บริการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายตลอดเส้นทางในช่วงปลายปี 2563 ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าจะค่อย ๆ เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 6.8 พันล้านบาทในปีบัญชี 2566

  • ให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงสำหรับ "รถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสายสีเหลือง" บริษัทได้มีการทำสัญญาให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้ากับ บริษัท นอร์ทเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด และ บริษัท อีสเทิร์น บางกอกโมโนเรล จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุน 2 แห่งของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ และผู้ร่วมทุนอีก 2 รายเพื่อดำเนินงานโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีชมพูและสายสีเหลือง โดยโครงการทั้งสองยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้างและคาดว่าจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปีบัญชี 2565 โดยคาดว่าจะสามารถเริ่มเปิดให้บริการบางส่วนได้ในเดือนมกราคม 2565 สำหรับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองและในเดือนมีนาคม 2565 สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ในการนี้ บริษัทคาดว่าจะมีรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้าแต่ละโครงการที่ประมาณ 1.3-1.4 พันล้านบาทในปีบัญชี 2566
  • มีสถานะที่ดีในการประมูลโครงการขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ๆ กลยุทธ์ของกลุ่ม BTS คือการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนกับผู้ร่วมทุนในการเข้าประมูลหรือพัฒนาโครงการขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ๆ โดยการจัดตั้งบริษัทร่วมทุนนั้นจะช่วยลดความเสี่ยงจากโครงการให้แก่ BTS ได้ บริษัทเป็นบริษัทหลักของกลุ่มบีทีเอสในการเข้าประมูลโครงการใหม่ ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการขนส่งมวลชน ทั้งนี้ เนื่องจากคุณสมบัติที่สำคัญสำหรับผู้เข้าร่วมประมูลนั้นจะต้องมีประสบการณ์และผลการดำเนินงานย้อนหลังทั้งในด้านการพัฒนาและการดำเนินงานโครงการ โดยบริษัทเป็นหนึ่งในสองของผู้ให้บริการรถไฟฟ้าในประเทศไทยซึ่งมีความสามารถและผลการดำเนินงานย้อนหลังที่เป็นที่ยอมรับมากกว่า 20 ปีในการดำเนินงานระบบรถไฟฟ้า ดังนั้น ความแข็งแกร่งดังกล่าวจึงถือเป็นจุดแข็งสำคัญที่ส่งผลให้กลุ่มบีทีเอสมีสถานะที่ดีในการชนะการประมูลโครงการขนส่งมวลชนโครงการใหม่ ๆ
  • รายได้เพิ่มมากขึ้นจากธุรกิจสื่อโฆษณา บริษัทดำเนินธุรกิจสื่อโฆษณาผ่านบริษัทย่อยคือ บมจ.วีจีไอ (VGI) ซึ่งมีความได้เปรียบในการแข่งขันสูงเนื่องจากเป็นผู้ให้บริการสื่อโฆษณาในขบวนรถไฟฟ้าบีทีเอสและพื้นที่เชิงพาณิชย์ในบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสแต่เพียงรายเดียว ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณาเป็นแหล่งกระแสเงินสดที่สำคัญของกลุ่ม BTS อย่างไรก็ตาม รายได้จากธุรกิจนี้ก็มีความอ่อนไหวต่อสภาวะทางเศรษฐกิจและผันผวนมากกว่ารายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงในธุรกิจระบบขนส่งมวลชน ในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 รายได้จากธุรกิจสื่อโฆษณามีสัดส่วนคิดเป็น 28% ของรายได้รวมของบริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์

นอกจากนี้ VGI ยังได้ขยายธุรกิจไปสู่สื่อโฆษณานอกบ้านในรูปแบบอื่น ๆ ผ่านการซื้อหุ้นในหลาย ๆ กิจการที่เกี่ยวข้องอีกด้วย โดยในปี 2564 บริษัทถือหุ้นในสัดส่วน 26.58% ใน บมจ. มาสเตอร์ แอด (MACO) รวมถึงถือหุ้นในสัดส่วน 18.06% ใน บมจ. เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) (KEX) และ 18.59% ใน บมจ. แพลน บี มีเดีย (PLANB)

  • รายได้คิดเป็นสัดส่วนหลักของกลุ่มบีทีเอส รายได้ของบริษัทคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของรายได้รวมของกลุ่มบีทีเอสในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ในส่วนของกำไรนั้น บริษัทสร้างผลกำไรคิดเป็นสัดส่วนเกือบทั้งหมดของกำไรรวมของกลุ่มบีทีเอสในช่วง 9 เดือนแรกของปีบัญชี 2564 ในการนี้ ทริสเรทติ้งคาดว่ารายได้และกำไรของบริษัทจะยังคงเป็นสัดส่วนหลักของกลุ่มบีทีเอสต่อไปเนื่องจากรายได้จากการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้านั้นสามารถคาดการณ์ได้

แนวโน้มอันดับเครดิต "Negative" หรือ "ลบ" สะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่ภาระหนี้ของกลุ่มบีทีเอสจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเนื่องจากบริษัทมีโอกาสในการลงทุนในสัญญาสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีเขียวโครงการใหม่ซึ่งอาจส่งผลให้สถานะเครดิตอ่อนแอลงอย่างมากจนอาจอยู่ในระดับที่ไม่สอดคล้องกับอันดับเครดิตในปัจจุบันได้

ปัจจัยที่อาจทำให้อันดับเครดิตเปลี่ยนแปลง อันดับเครดิตและ/หรือแนวโน้มอันดับเครดิตของบริษัทอาจได้รับการปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้หากสถานะเครดิตของ BTS เปลี่ยนแปลงไป หรือหากทริสเรทติ้งมองเห็นความเปลี่ยนแปลงของสถานะในการเป็นบริษัทย่อยของบริษัทเมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทย่อยอื่น ๆ ของ BTS


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ