นายมิทซึจิ โคโนชิตะ ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอเชีย พาร์ทเนอร์ชิพ ฟันด์ กรุ๊ป (APF) เปิดเผยว่า บริษัทได้เข้าซื้อหุ้นบริษัท เว็ดจิ โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ WEDGE HOLDINGS ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นญี่ปุ่น และถือเป็นรายที่ 3 ที่กลุ่ม APF เข้าไปซื้อกิจการ หลังจากได้ซื้อบล.ยูไนเต็ด (US) และ บมจ. กรุ๊ปลีส (GL) ในไทย กลุ่ม APF ได้เข้าซื้อ WEDGE HOLDINGS ผ่านบริษัทในเครือ โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ มูลค่า 600 ล้านเยน หรือประมาณ 180 ล้านบาท ส่งผลให้กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วน 40% WEDGE HOLDINGS ประกอบธุรกิจด้านบันเทิงทุกแขนง เช่น แอนนิเมชั่น ภาพยนตร์ เพลง คอนเทนต์ โทรศัพท์เคลื่อนที่ รวมถึงการผลิตและจัดจำหน่าย DVD ที่เกี่ยวข้องกับสายบันเทิง เดิมมีทุนจดทะเบียน 465.38 ล้านเยน แต่หลังจากที่กลุ่ม APF เข้าไปถือหุ้นก็จะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 1,072.91 ล้านเยน ในปี 2549 ที่ผ่านมา WEDGE HOLDINGS มียอดขายทั้งสิ้น 3,277.38 ล้านเยน รายได้ก่อนหักภาษีและดอกเบี้ยจ่าย 92.32 ล้านเยน ผลขาดทุน 717.67 ล้านเยน แต่เชื่อว่าด้วยศักยภาพที่มีของ WEDGE HOLDINGS เมื่อรวมกับเงินเพิ่มทุนใหม่ที่ใส่เข้าไป บวกแผนธุรกิจใหม่จะช่วยทำให้บริษัทมีผลประกอบการที่ดีขึ้น นายมิทซึจิ กล่าวถึงการเพิ่มทุนใหม่จำนวน 600 ล้านเยนว่า ทาง WEDGE HOLDINGS จะใช้เป็นทุนในการผลิต คอนเทนต์ใหม่ๆ สำหรับแอนนิเมชั่น ภาพยนตร์ เพลง รวมทั้งจ้างบุคลากรเพิ่ม และขยายธุรกิจในอนาคต คาดใช้งบในส่วนนี้ 400 ล้านเยน หรือ 120 ล้านบาท ส่วนที่เหลืออีก 200 ล้านเยน หรือ 60 ล้านบาทจะใช้สำหรับปรับปรุบระบบโครงสร้างทางการเงิน ซึ่งช่วยลดภาระดอกเบี้ยจ่ายของบริษัท ส่วนแผนการขยายธุรกิจบันเทิงของ WEDGE HOLDINGS ในประเทศไทยนั้น นายมิทซึจิ กล่าวว่า ได้วางแผนเข้ามาทำธุรกิจบันเทิงครบวงจร ภายใต้แนวคิด Japan Culture Complex โดยจะใช้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางในการเผยแพร่ผลงานต่างๆ เช่น โรงภาพยนตร์สำหรับถ่ายทอดวัฒนธรรมญี่ปุ่นโดยเฉพาะ, ร้านเคาเฟ่, การ์ตูนสไตล์ญี่ปุ่น, ร้านค้าที่จำหน่ายของเล่น จำหน่ายสินค้า Idol และดนตรี, สร้างสตูดิโอแพร่ภาพหนังแอนนิเมชั่น, รายการเพลงป็อปญี่ปุ่นผ่านดาวเทียม, เปิดโรงเรียนสอนการ์ตูน, จัดงานแสดงกิจกรรมและสินค้าญี่ปุ่น เป็นต้น นอกจากนี้ WEDGE HOLDINGS ยังวางแผนที่จะพัฒนาธุรกิจโดยร่วมมือกับเจ้าของธุรกิจในพื้นที่ เพื่อแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมไทย-ญี่ปุ่น เช่น ร่วมกันผลิตแอนนิเมชั่นไทยเผยแพร่ไปสู่สากล นำเข้าภาพยนตร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเข้าเพลงไทยสู่ญี่ปุ่น ตลอดจนใช้ไทยเป็นฐานในการขยายไปยังประเทศในแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ด้วย