ภาวะตลาดหุ้นไทยปิดพุ่ง 3.17% รับแรงซื้อจากต่างชาติ หนุนกลุ่มพลังงาน-แบงก์นำตลาด

          ตลาดหลักทรัพย์ปิดตลาดช่วงบ่ายวันนี้ที่ระดับ 893.45 จุด เพิ่มขึ้น 27.42 จุด(+3.17%) มูลค่าการซื้อขาย 22,334.06 ล้านบาท
          การซื้อขายหุ้นวันนี้ ดัชนีหุ้นไทยแกว่งตัว ทั้งบวก-ลบในช่วงเช้า แต่ช่วงบ่ายดัชนีฯกลับพุ่งพรวดขึ้นกว่า 2% โดยขยับขึ้นแตะจุดสูงสุดของวันที่ระดับ 893.45 จุด ส่วนดัชนีจุดต่ำสุดของวันอยู่ที่ 864.25 จุด
          ส่วนหลักทรัพย์เปลี่ยนแปลงวันนี้ เพิ่มขึ้น 231 หลักทรัพย์ ลดลง 74 หลักทรัพย์ และไม่เปลี่ยนแปลง 123 หลักทรัพย์
          น.ส.อาภาพร แสวงพรรค ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยบ่ายนี้พุ่งพรวดขึ้น โดยมีแรงซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงาน และแบงก์นำตลาดฯ ซึ่งคาดว่าจะเป็นแรงซื้อจากนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีการเทรดหุ้นด้วยล็อตใหญ่ และเทรดคึกคักอย่างเห็นได้ชัด
          ทั้งนี้ ปัจจัยที่เป็นแรงสนับสนุนให้หุ้นคึกคัก มาจากการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)อาจจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น และดอกเบี้ยมาตรฐานลง และนักลงทุนบางกลุ่มยังคาดว่า เฟดอาจจะประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงได้ก่อนการประชุม FOMC ในวันที่ 30-31 ตุลาคมนี้ ซึ่งหากเฟดประกาศลดอัตราดอกเบี้ยเร็วก็จะส่งผลให้ผลตอบแทนในตลาดเงินไม่ค่อยน่าจูงใจ จึงส่งผลให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาซื้อหุ้นมากขึ้น
          สำหรับแนวโน้มการลงทุนในวันพรุ่งนี้(26 ต.ค.)คาดว่า ตลาดฯมีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อไปได้อีก อันเนื่องมาจาก Fund Flow ไหลเข้า โดยให้แนวต้านที่ 890-900 จุด ส่วนแนวรับให้ไว้ที่ 870 จุด 
          พร้อมแนะนำนักลงทุนที่มีหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ให้ถือต่อไปได้ แต่ถ้าอยากจะซื้อหุ้นในกลุ่มพลังงานจะต้องระมัดระวังการลงทุนด้วยเนื่องจากราคาหุ้นได้ปรับขึ้นมามากแล้ว และหุ้นในกลุ่มพลังงานก็ยังแกว่งตามราคาน้ำมันดิบด้วย ส่วนหุ้นที่แนะนำให้"ซื้อ"ได้เป็นหุ้นในกลุ่มแบงก์บางตัวที่ยัง Laggard อยู่ อย่างหุ้น BBL, TISCO และ BAY 
          ส่วนหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 5 หลักทรัพย์ ได้แก่ 
          PTT   มูลค่าการซื้อขาย 3,225.49 ล้านบาท ปิดที่ 394.00 บาท เพิ่มขึ้น 24.00 บาท
          PTTEP มูลค่าการซื้อขาย 2,505.22 ล้านบาท ปิดที่ 169.00 บาท เพิ่มขึ้น 12.00 บาท
          SCB   มูลค่าการซื้อขาย 1,303.88 ล้านบาท ปิดที่  84.50 บาท เพิ่มขึ้น  3.00 บาท
          TOP   มูลค่าการซื้อขาย   973.30 ล้านบาท ปิดที่  91.00 บาท เพิ่มขึ้น  4.00 บาท
          KBANK มูลค่าการซื้อขาย   924.61 ล้านบาท ปิดที่  83.50 บาท เพิ่มขึ้น  3.50 บาท