ตลท.มองรัฐบาลศึกษาเก็บภาษีเทรดหุ้นรายย่อย 0.11% อาจกระทบภาพรวมการลงทุน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 7, 2021 15:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่รัฐบาลอยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการเก็บภาษีซื้อขายหุ้นที่ถูกผ่อนผันมาตั้งแต่ปี 2534 โดยจะเรียกเก็บในอัตรา 0.11% ของมูลค่าการขายหุ้น สำหรับนักลงทุนที่มีปริมาณการซื้อขายหุ้นมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน เบื้องต้น ตลท.ยังไม่สามารถให้ความเห็นในเรื่องดังกล่าวได้มากนัก ซึ่งต้องคอยรับฟังความคืบหน้าของนโยบายต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร จึงยังไม่อยากคาดเดา เนื่องจากยังไม่มีความแน่นอนและข้อเท็จจริงต่างๆ เพื่อนำมาวิเคราะห์ได้

แต่อย่างไรก็ตามหากมีการเรียกเก็บภาษีจากเดิมที่ไม่มีการเก็บนั้น แน่นอนว่าคงกระทบต่อการซื้อขายของนักลงทุน เพราะต้นทุนต่างๆ ที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งทางตลท. ก็ได้ให้ข้อมูลกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่กำลังดำเนินการศึกษาในเรื่องนี้อยู่

ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีของตลาดทุนทั่วโลกนั้นมีอยู่หลายประเภท เช่น Transaction tax, Dividend tax, Capital gains tax เป็นต้น ซึ่งการเรียกเก็บภาษีดังกล่าวน่าจะขึ้นอยู่กับสภาวะและสถานการณ์ของประเทศนั้นๆ

สำหรับแนวโน้มภาพรวมภาวะตลาดหุ้นไทยในครึ่งปีหลังนี้ แนะจับตาใน 2 ปัจจัย ประกอบด้วย ปัจจัยจากต่างประเทศ ในเรื่องของอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ซึ่งหากมีการปรับอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ก็จะเป็นตัวชี้วัดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ และปัจจัยในประเทศ ในเรื่องของทิศทางการเติบโตของบริษัทไทย หรือความน่าสนใจของบริษัทจดทะเบียนไทยเป็นอย่างไร ซึ่งปัจจัยดังกล่าวคาดส่งผลต่อทิศทางเม็ดเงินจากต่างประเทศ (Fund Flow) ในครึ่งปีหลังนี้

ขณะที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ลากยาวต่อเนื่อง เชื่อว่าหลายบริษัทมีการปรับตัว โดยแนะให้โฟกัสที่บริษัทจดทะเบียนที่มีการปรับตัว และมีแผนรองรับกับสถานการณ์ไว้อยู่แล้ว ประกอบกับหลายบริษัทราว 40% มีการส่งออก หรือมีการทำกิจกรรมทางธุรกิจกับทางต่างประเทศ ซึ่งหากเชื่อมโยงไปกับต่างประเทศได้เร็วก็จะเป็นประโยชน์ต่อบริษัทนั้นๆ

นายภากร กล่าวว่า ด้านการเข้ามาระดมทุนของบริษัทใหม่ๆ หรือ การ IPO โดยปกติในครึ่งปีหลังจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ทั้ง SET และ mai เฉลี่ย 40-50 บริษัท และมีความหลากหลายของแต่ละธุรกิจ คาดว่าในปีนี้จะอยู่ในระดับเดียวกับปี 63 ที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมของหลักทรัพย์ (IPO) 555,000 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรก อยู่ที่ 341,000 ล้านบาท มากกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่เหลือก็คาดว่าจะเข้ามาในครึ่งปีหลังนี้ โดยเฉพาะในไตรมาส 4/64 ที่จะเข้ามามากที่สุด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ