(เพิ่มเติม) JKN เทคฯ "ไฮ ช็อปปิ้ง" เสริมแกร่งธุรกิจคอมเมิร์ชดันรายได้แตะ 500 ลบ.ปี 65

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday September 2, 2021 13:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.เจเคเอ็น โกลบอล มีเดีย (JNK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท มีมติอนุมัติให้ บริษัท เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ จำกัด (JKN Best Life) ซึ่ง JKN ถือหุ้น 100% เข้าลงทุนในบริษัท ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด (HS) ที่ประกอบธุรกิจให้บริการผลิตรายการโทรทัศน์ พัฒนาระบบและบริหารจัดการที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจบริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อการแนะนำและขายสินค้าผ่านสื่อกลางหลากหลายช่องทาง ได้แก่ ช่องนำสัญญานผ่านระบบดาวเทียม เคเบิ้ล ดิจิตอล และเครือข่ายโทรคมนาคมอื่น ๆ

HS มีบริษัทย่อยที่ถือหุ้น 100% ของหุ้นทั้งหมด คือ บริษัท ไฮ ช็อปปิ้ง ทีวี จำกัด (HSTV) ซึ่งประกอบธุรกิจหลักในการให้บริการกิจการโทรทัศน์ โดย HSTV เป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบกิจการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ เพื่อให้บริการการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์สำหรับกิจการที่ไม่ใช้คลื่นความถี่ผ่านช่องรายการ HIGH SHOPPING

ทั้งนี้ JKN Best Life เข้าซื้อหุ้น 27,183,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท ราคาซื้อขายรวม 100 บาท จาก บริษัท อินทัช มีเดีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นเดิม และ HS จะเพิ่มทุนจดทะเบียน 33,000,000 บาท จาก 500,000,000 บาท เป็น 533,000,000 บาท โดยภายหลังการเข้าลงทุนดังกล่าว JKN Best Life จะถือหุ้นจำนวน 51% ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดของ HS

และภายใน 31 ต.ค.64 HS จะเพิ่มทุนจดทะเบียนไม่เกิน 48,730,000 บาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุน 4,873,000 หุ้น ซึ่ง JKN Best Life จะเข้าจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ HS ตามสัดส่วนการถือหุ้นไม่เกิน 2,490,000 หุ้น คิดเป็น 51% ของหุ้นทั้งหมดภายหลังจากการเพิ่มทุน โดยมีมูลค่าการจองซื้อหุ้นในครั้งนี้ไม่เกิน 24,900,000 บาท

ขณะที่ JKN Best Life จะให้ HS กู้ยืมเงิน 10 ล้านบาท และตกลงว่าในกรณีที่ HS ต้องการเงินเพิ่มเติมในการประกอบกิจการ JKN Best Life ตกลงจะให้ HS กู้เงินเพิ่มเติมในวงเงินไม่เกิน 15 ล้านบาท

การเข้าลงทุนในครั้งนี้จะเป็นช่องทางในการร่วมมือทางธุรกิจเพื่อพัฒนาศักยภาพการแข่งขันทางธุรกิจในด้านการโทรทัศน์ในระดับประเทศ และภูมิภาค ซึ่ง HS มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจโฮมช้อปปิ้ง มีระบบคอลเซ็นเตอร์เต็มรูปแบบ มีฐานลูกค้าจำนวนมากสามารถสนับสนุนการดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าของ JKN Best Life ซึ่งมีแนวทางในการดำเนินธุรกิจจำหน่ายสินค้าในรูปแบบโฮม ช้อปปิ้ง เป็นหลักได้เป็นอย่างดี และสามารถดำเนินงานได้ทันที

นายจักรพงษ์ จักราจุฑาธิบดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ JKN เปิดเผยว่า การเข้าทำธุรกรรมในครั้งนี้ บริษัทได้กำหนดกรอบวงเงินลงทุนไม่เกิน 50 ล้านบาท แบ่งเป็น การเข้าซื้อหุ้น 51% HIGH Shopping จาก บริษัท อินทัช มีเดีย จำกัด และจะร่วมมือกับบริษัท ฮุนได โฮมช็อปปิ้ง เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น ประเทศเกาหลี ที่มีสัดส่วนการถือหุ้นเป็นอันดับ 2 เพื่อเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัท ไฮ ช็อปปิ้ง จำกัด อีกประมาณ 48.73 ล้านบาท โดย JKN Best Life จะใช้เงินเพิ่มทุนตามสัดส่วนการถือหุ้น หรือประมาณ 24.9 ล้านบาท และจะให้กู้ยืมเงิน 10 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการ และสนับสนุนทางการเงินโดยให้วงเงินการกู้ยืมอีก 15 ล้านบาท รองรับแผนการขยายธุรกิจในอนาคต

HIGH Shopping เป็นหนึ่งช่องทีวีโฮมช้อปปิ้งที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคที่เลือกซื้อสินค้าในระดับเกรดพรีเมียม มากกว่า 2,500 รายการ ที่ครอบกลุ่มทุกประเภททั้ง แฟชั่น ความงาม สินค้าในครัวเรือน เครื่องออกกำลังกาย เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ ตอบโจทย์ความต้องการผู้บริโภคให้มากกว่าการช้อปปิ้งแบบเดิมๆ ด้วยสินค้าที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศและต่างประเทศ รวมถึงทีมบุคลากรที่มีประสบการณ์ความชำนาญในธุรกิจและมีความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐานในการทำธุรกิจทีวีโฮมช้อปปิ้ง ทั้งระบบ Software ทีม Call Center แบบ Inbound สามารถรองรับคำสั่งซื้อสินค้า และ Outbound ที่โทรไปนำเสนอสินค้าแก่ผู้บริโภค ด้วยฐานลูกค้าในมือมากกว่า 1 ล้านราย และมีการคำสั่งซื้อสินค้าเฉลี่ย 20,000-40,000 รายการต่อเดือน และใช้จ่ายเฉลี่ยต่อรายการอยู่ที่ 1,000 บาท

บริษัทฯ จะดำเนินกลยุทธ์ Synergy ผสานจุดแข็งจากกลุ่ม JKN ที่มีความชำนาญในการทำตลาด ตลอดจนการบริหารจัดการด้านต้นทุนให้มีประสิทธิภาพสูงสุดในทุกมิติ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัท เจเคเอ็น เบสท์ ไลฟ์ (JKN Best Life) โดยเฉพาะสินค้ากลุ่มสุขภาพและความงาม สินค้าอุปโภคบริโภค และผลิตภัณฑ์อื่นๆอีกกว่า 2,500 รายการของ HIGH Shopping ให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง (D2C) ได้ตลอด 24 ชั่วโมง ผนึกกำลังการกระจายและแนะนำสินค้าผ่านช่องทีวีดิจิทัล JKN18 และทีวีช่องทีวีดาวเทียม (PSI) ในช่องที่เป็นทีวีโฮมช้อปปิ้งของ HIGH Shopping เพื่อให้ครอบคลุมถึงกลุ่มเป้าหมายมากขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อการดำเนินงานและสร้างการเติบโตไปด้วยกัน โดยประเมินว่า การเข้าซื้อหุ้นครั้งนี้ ส่งผลดีต่อการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจคอมเมิร์ชได้ทันทีภายในปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 500 ล้านบาทในปีถัดไป


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ