NVD มั่นใจปี 65 ฟื้นรับเปิด 6 โครงการใหม่,ศึกษารับคริปโทฯ-รุกสินทรัพย์ดิจิทัล

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday November 19, 2021 14:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายจิรเดช นุตสถิตย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บมจ.เนอวานา ไดอิ (NVD) เปิดเผยว่า บริษัทมั่นใจว่าภาพรวมของผลการดำเนินงานในปี 65 จะเห็นการกลับมาฟื้นตัวขึ้นหลังจากผ่านจุดต่ำสุดในปีนี้ไปแล้ว เนื่องจากบริษัทมีแผนจะกลับมาเปิดโครงการใหม่เพิ่มมากขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเดินหน้าซื้อที่ดินเพื่อรองรับการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ในอนาคต ด้วยงบลงทุนรวม 2.6 พันล้านบาท โดยจะกระจายการซื้อที่ดินในทำเลรอบกรุงเทพฯและปริมณฑลเพื่อพัฒนาโครงการแนวราบ และที่ดินในทะเล CBD เพื่อพัฒนาคอนโดมิเนียมในอนาคต

การเปิดโครงการใหม่ในปี 65 วางแผนไว้ทั้งหมด 6 โครงการ ยังคงเน้นโครงการแนวราบเป็นหลักในที่ดินที่บริษัทมีอยู่ แต่การพัฒนาจะมีการปรับรูปแบบซีรีย์บ้านให้มีระดับราคาลดลงมา โดยนำบ้าน Beyond รูปแบบเก่ากลับมาพัฒนา เพื่อให้เป็นโครงการในช่วงระดับราคา 10-25 ล้านบาท ซึ่งเป็นระดับราคาที่คนส่วนใหญ่เข้าถึงได้มากขึ้น เพื่อเข้าถึงตลาดที่กว้างขึ้น ทำให้สามารถสร้างยอดขายและยอดโอนเข้ามาได้มาก เนื่องจากรูปแบบซีรีย์ Beyond รูปแบบใหม่ระดับราคาเพิ่มขึ้นไปสูงมากที่ 25-40 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาการเปิดรับ Cryptocurrency ในการใช้ชำระเพื่อซื้อบ้านและค่าส่วนกลางต่างๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่บริษัทมองว่าเป็นหนึ่งในช่องทางที่จะนำมาใช้เพิ่มเติมจากการรับชำระเงินปกติ นอกจากนี้ บริษัทยังร่วมมือกับพันธมิตร คือ บริษัท Fraction (ประเทศไทย) จำกัด ในการให้บริการแปลงสินทรัพย์ให้อยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัลในรูปแบบต่าง ๆ เพื่อประโยชน์ในการจัดหาแหล่งเงินทุน คาดว่าจะเห็นความชัดเจนในช่วงไตรมาส 1/65

อนึ่ง Fraction ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ให้เป็นผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal License) โดยพัฒนา Platform พร้อมให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัลครบวงจร ได้แก่ บริการแปลงสินทรัพย์ให้อยู่ในรูปของสินทรัพย์ดิจิทัล (NFT and Asset Digitization), การแบ่งซอยสินทรัพย์ออกเป็นส่วนย่อย ๆ (Ownership Fractionalization) การเสนอขายโทเคนดิจิทัลครั้งแรกให้กับนักลงทุน (Initial Fraction Offering หรือ IFO) ,บริการตลาดที่สองเพื่อรองรับการซื้อขายโทเคนดิจิทัลระหว่างผู้ลงทุน เป็นต้น

นายจิรเดช กล่าวว่า สำหรับการโอนกรรมสิทธิ์โครงการในช่วงครึ่งปีหลังนี้จะมีการทยอยโอนให้กับลูกค้าเพิ่มขึ้น คาดว่าจะรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) เข้ามาราว 400-500 ล้านบาท จาก Backlog ทั้งหมดที่มีกว่า 1 พันล้านบาท ได้แก่ คอนโดมิเนียม Bayan Tree Residence และ The Most อิสรภาพ ส่วนแนวราบยังมีการโครงการ Nirvana Defi และ Nirvana Element บางนา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ