WFX พร้อมเทรด 23 ธ.ค.เร่งสปีดยอดขายจ่อขึ้นผู้นำตลาดโลก,ยันผถห.ใหญ่กอดหุ้นแน่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 22, 2021 12:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชวลิต ติยาเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เวิลด์เฟล็กซ์ (WFX) เปิดเผยว่า WFX มีความพร้อมนำหุ้นเข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรก 23 ธ.ค.นี้ในหมวดธุรกิจแฟชั่น เชื่อว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนอย่างคึกคัก เนื่องจากบริษัทเป็นหนึ่งในผู้ผลิตเส้นด้ายยางยืดรายใหญ่ระดับโลกที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง และเป็นรายแรกที่เข้าจดทะเบียนใน SET

โดยผลการดำเนินงานในช่วงที่ผ่านมา เติบโตอย่างแข็งแกร่ง ในฐานะผู้นำตลาด จากผลิตสินค้าที่มีความหลากหลาย และแผนการขยายฐานลูกค้าเดิมและลูกค้าใหม่ และงวด 9 เดือนแรกปี 64 ผลงานสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยมีรายได้รวม 2,590 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 874 ล้านบาท หรือ 51% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 1,715 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 188 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129 ล้านบาท หรือ 218% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 59 ล้านบาทโดยอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ 15.96% และกำไรสุทธิ (Net Profit Margin) อยู่ที่ 7.27%

"จากแผนระดมทุนและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อรองรับแผนเพิ่มผลิตอีก 12,400 ตัน/ปี ในช่วง 1-2 ปีข้างหน้า จากปัจจุบันกำลังการผลิตอยู่ที่ ที่ 35,000 ตัน/ปี จะเพิ่มโอกาสการเติบโตให้กับ WFX ในช่วง 1-3 ปีข้างหน้าได้เป็นอย่างมาก รองรับแผนการก้าวขึ้นสู่ความเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในตลาดโลกภายใน 3 ปีข้างหน้า พร้อมกันนี้ผู้ถือหุ้นทุกท่านที่ลงทุนร่วมไปกับ WFX สบายใจได้ เพราะกลุ่มผู้ถือหุ้นรายใหญ่ยืนยันว่าจะไม่มีการขายหุ้นออกมา"นายชวลิต กล่าว

ทั้งนี้ WFX มีวัตถุประสงค์ในการนำเงินระดมทุนที่ได้ 998.12 ล้านบาท แบ่งออกเป็นสามส่วนคือ 1)ใช้เป็นเงินทุนในการขยายโรงงานผลิตเส้นด้ายยางยืด 350 ล้านบาท ภายในปีหน้า 2)ชำระคืนเงินกู้แก่สถาบันการเงิน 400 ล้านบาท ภายในปี 2564 และ 3)เป็นทุนหมุนเวียนในกิจการ 248.12 ล้านบาท ภายในปี 2565

นายณัฐ วงศาสุทธิกุล กรรมการผู้จัดการ WFX กล่าวว่า จากจุดเด่นของบริษัทฯในฐานะผู้นำตลาดเส้นด้ายยางยืดระดับโลก เป็นผลิตภัณฑ์กลางน้ำ ที่มีผลิตภัณฑ์สินค้าหลากหลายป้อนให้กับคู่ค้า เพื่อนำไปใช้ในการผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวันของผู้บริโภค ที่ต้องซื้อซ้ำ ทำให้ความต้องการสินค้ามีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และยังมีความได้เปรียบคู่แข่งในตลาด จากการที่ประเทศ ไทยเป็นผู้ผลิตยางพารารายใหญ่ของโลก ทำให้บริษัทฯมีความได้เปรียบในการแข่งขันราคา อีกทั้งการที่มี บมจ.ไทยรับเบอร์ลาเท็คซ์กรุ๊ป (TRUBB) เป็นบริษัทแม่ ยิ่งเพิ่มศักยภาพให้กับ WFX

นอกจากนี้ WFX ยังใช้กลยุทธ์เชิงรุก (Growth Strategy) ในการเจาะกลุ่มลูกค้าใหม่ทั่วโลก ภายใต้ทีมงานฝ่ายขายและการตลาด ที่มีความแข็งแกร่ง สามารถพูดได้มากกว่า 10 ภาษา กระจาย 50 ประเทศทั่วโลก และการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพื่อตอบสนองลูกค้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถรักษาอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ในระดับสูงได้อย่างต่อเนื่อง

นายรัฐชัย ธีระธนาวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม ฝ่ายวาณิชธนกิจ-ด้านตลาดทุน บล.เคทีบีเอสที ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้น IPO ของ WFX มั่นใจว่าหุ้น WFX จะเป็นหุ้นน้องใหม่ในตลาดหลักทรัพย์หมวดธุรกิจแฟชั่น ที่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน เนื่องจากมีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เนื่องจากมีประสบการณ์ดำเนินธุรกิจมายาวนานกว่า 30 ปี ทำให้มีองค์ความรู้ และเป็นที่ยอมรับของลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ และการกระจายหุ้น IPO นี้ได้มีนักลงทุนสถาบัน กองทุนส่วนบุคคล และ นักลงทุน High Networth ให้ความสนใจเข้าจองซื้อ เป็นการตอกย้ำให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่มีต่อธุรกิจของบริษัทฯ เนื่องจากมองเห็นถึงศักยภาพการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในอนาคต

"หลังจากได้เงินจากการเพิ่มทุนบริษัทฯ มีแผนจะนำไปขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับคำสั่งซื้อล่วงหน้าของบริษัทที่มีมาอย่างต่อเนื่องเป็นจำนวนมากอีกทั้งการเพิ่มกำลังการผลิตจะช่วยให้กำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น จาก economies of scale รวมถึงความสามารถในการแข่งขันที่สูงขึ้น พร้อมแข่งขันในเวทีโลก และก้าวสู่ความเป็นผู้นำตลาดโลกตามแผนงานที่วางไว้" นายรัฐชัย กล่าว

ทั้งนี้ WFX ได้ขายหุ้น IPO จำนวน 142 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) 1 บาท/หุ้น ในราคาหุ้นละ 7.20 บาท โดยแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ประกอบด้วย 1.ผู้ถือหุ้นเดิมของ TRUBB ตามสัดส่วนการถือหุ้นใน TRUBB (Pre-emptive Right) ไม่เกิน 11,360,000 หุ้น คิดเป็นร้อยละ 8.00 2.กรรมการ ผู้บริหาร และพนักงานของบริษัทฯไม่เกิน 14,200,000 หุ้น คิดเป็น 10.00% 3.ผู้มีอุปการคุณของบริษัทฯ ไม่เกิน 18,460,000 หุ้น คิดเป็น 13.00% 4.บุคคลตามดุลยพินิจของผู้จัดจำหน่ายหลักทรัพย์ ไม่น้อยกว่า 97,980,000 หุ้น คิดเป็น 69.00%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ