นายระเฑียร ศรีมงคล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) ยอมรับว่า ช่วงต้นปีที่ผ่านมา KTC ยังโตต่ำกว่าตลาด และช้ากว่าผู้ประกอบการรายอื่น เพราะต้องการชะลอดูสถานการณ์ก่อนว่าทิศทางจะเป็นอย่างไร ทำให้ไม่เร่งขยายมาก แต่หันมาให้ความสำคัญกับการเตรียมความพร้อมเพื่อกลับมารุกตลาดอีกครั้งเมื่อมีความมั่นใจมาก ดังนั้น จะเห็นการกลับมาเติบโตอย่างโดเด่นของ KTC ในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิตที่เชื่อว่าจะเติบโตโดดเด่นมาก
บริษัทคาดว่าแนวโน้มในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการเติบโตที่มากขึ้นกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะธุรกิจบัตรเครดิตในช่วงครึ่งปีหลังนี้ที่จะเร่งการเพิ่มจำนวนฐานสมาชิกบัตรเครดิตใหม่ที่เข้ามาในพอร์ตมากขึ้น จากที่ในช่วงครึ่งปีแรกที่ยังมีฐานสมาชิกใหม่เพิ่มไม่มากนัก เนื่องจากในช่วงต้นปีที่ผ่านมาบริษัทยังอยุ่ระหว่างการติดตามสถานการณ์ในประเทศว่าจะมีทิศทางอย่างไร แต่หลังจากที่เริ่มเห็นสัญญาณบวกจากการที่โควิด-19 เริ่มคลี่คลายลงชัดเจน กลับมาเปิดประเทศ และเศรษฐกิจเริ่มฟื้น ทำให้บริษัทมีความมั่นใจในการกลับมารุกตลาดมากขึ้น
โดยที่ธุรกิจจะกลับมาเป็นปัจจัยหนุนหลักในช่วงครึ่งปีหลังของธุรกิจได้อย่างโดดเด่นจากฐานสมาชิกใหม่ที่จะขยายเพิ่มอย่างชัดเจน โดยเฉพาะฐานลูกค้าในกลุ่มที่มีรายได้ 30,000-50,000 บาท ขึ้นไป ที่บริษัทจะเน้นการขยายในกลุ่มลูกค้านี้ค่อนข้างมาก เพราะยังเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อที่ดีมาต่อเนื่อง ทำให้ยังมีความสามารถในการชำระหนี้ในระดับที่ดีมาต่อเนื่อง ซึ่งเป็นกลุ่มลุกค้าเป้าหมายที่บริษัทจะขยายฐานต่อเนื่อง โดยที่ยังมั่นใจว่าจะสามารถขยายลูกค้าบัตรเครดิตใหม่ได้ตามเป้าหมายที่ 30,000 ราย และทำให้สิ้นปีนี้มีฐานลูกค้าบัตรเครดิตอยู่ที่ 250,000 ราย
ขณะที่ยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในปีนี้มองว่ามีโอกาสทำได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้เติบโต 10% มาอยู่ที่ 15% หลังจากยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรในช่วงไตรมาส 1/65 เติบโตไปในระดับที่สูงกว่าที่บริษัทคาดอยู่ที่ 11% และจากสัญญาณบวกต่อภาพของเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยที่กลับมาดีขึ้น คาดว่าจะเห็นยอดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตเติบโตขึ้นต่อเนื่องในไตรมาส 2/65 และในช่วงครึ่งปีหลังนี้
ด้านสินเชื่อส่วนบุคคลในช่วงที่ผ่านมาบริษัทยังชะลอการขยายลูกค้าใหม่ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ยังมีความเสี่ยงในเรื่องของกำลังซื้อและความสามารถในการชำระหนี้ แต่ปัจจุบันหลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น เริ่มเห็นกลุ่มลูกค้าที่ใช้สินเชื่อส่วนบุคคลมีการเบิกใช้สินเชื่อเพื่อใช้จ่าย โดยเฉพาะในช่วงเดือนพ.ค.นี้ ที่เห็นการเบิกใช้สินเชื่อเพื่อซื้อชุดนักเรียนเป็นจำนวนมาก แสดงถึงกลุ่มลูกค้าที่ใช้สินเชื่อส่วนบุคคลเริ่มกลับมาใช้จ่ายและมีรายได้กลับเข้ามาเพิ่มขึ้น แต่บริษัทยังคงระมัดระวังในการขยายฐานกลุ่มลูกค้าสินเชื่อส่วนบุคคลในปีนี้อยู่บ้าง เพื่อรักษาคุณภาพของพอร์ตให้อยู่ในระดับที่ดี
สำหรับเคทีซี พี่เบิ้ม มองว่าในช่วงครึ่งปีหลังจะเห็นการรุกตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น หลังจากในช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการวางแผนในแนวทางการขยายสินเชื่อร่วมกับธนาคารกรุงไทย (KTC) ในการใช้ช่องทางการขยายสินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม ผ่านช่องทางของธนาคารกรุงไทย ซึ่งปัจจุบันแผนการทำงานร่วมกับธนาคารกรุงไทยมีความชัดเจนแล้วในแนวทางการขยาย และจะกลับมารุกการขยายสินเชื่อเคทีซี พี่เบิ้ม ที่เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ และยังมั่นใจว่าจะทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้มีพอร์ตที่ 1.15 หมื่นล้านบาท
ส่วนแผนการออกหุ้นกู้ในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ยังมีแผนการออกหุ้นกู้อีกวงเงินรวม 7 พันล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาถึงระยะเวลาและอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสม โดยที่จะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้มาใช้รองรับการปล่อยสินเชื่อ