OR เผยยอดขายดีเซล-เบนซินเม.ย.ยังโต-Jet เริ่มฟื้น,เล็งปิดดีล Non oil เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 25, 2022 12:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายพิจินต์ อภิวันทนาพร รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารการเงิน บมจ.ปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในไตรมาส 2/65 บริษัทเห็นปริมาณการจำหน่ายน้ำมันดีเซลและเบนซินในช่วงเดือน เม.ย.65 ยังเติบโตได้ดี ขณะที่ปริมาณการจำหน่ายน้ำมันอากาศยาน (Jet) เริ่มฟื้น จากการผ่อนคลายมาตรการควบคุมโควิด-19 และการเปิดประเทศทำให้เที่ยวบิน (Flights) จะเพิ่มมากขึ้น หลังจากช่วงโควิด-19 ระบาดหนักส่งผลกระทบต่อปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน Jet หายไปถึง 70%

"ปริมาณการจำหน่ายน้ำมัน Jet น่าจะฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่ไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป หากไม่เกิดโควิด-19 รอบใหม่ น่าจะเข้ามาเติมเต็มการเติบโตของ Jet ได้อย่างมีนัยสำคัญ"นายพิจินต์ กล่าว

ขณะที่ค่าการตลาด (Marketing Margin) ไตรมาส 2/65 คาดใกล้เคียงกับไตรมาส 1/65 แม้จะได้รับผลกระทบจากการตรึงราคาน้ำมันดีเซลในเดือน เม.ย.65 แต่ได้ปัจจัยหนุนจากภาครัฐลดอัตราภาษีสรรพสามิตน้ำมันดีเซลลงลิตรละ 5 บาท เป็นระยะเวลา 2 เดือน ตั้งแต่วันที่ 21 พ.ค.-20 ก.ค.65 เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแก่ประชาชนและภาคธุรกิจ ขณะเดียวกันก็มีการปรับขึ้นราคาขายหน้าปั๊มตามสถานการณ์ราคาตลาดโลกได้มากขึ้น รวมถึงมีการบริหารต้นทุน ทำให้สามารถรักษาระดับอัตรากำไร (มาร์จิ้น) ให้ใกล้เคียงไตรมาสแรกได้

สำหรับผลการดำเนินงานทั้งปี 65 จากคาดการณ์อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (GDP) เติบโต 2.5-3.5% จากการท่องเที่ยวและส่งออกที่ดีขึ้น รวมถึงมาตรการกระตุ้นท่องเที่ยวที่คาดว่าจะออกมาเพิ่มเติม เป็นปัจจัยบวกต่อผลการดำเนินงานของ OR ขณะที่ราคาน้ำมันปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยกลุ่ม ปตท.ประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยปีนี้จะอยู่ที่ 100 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และปี 66 น่าจะลงมาเฉลี่ยอยู่ที่ 92.6 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล เนื่องจากคาดว่าสถานการณ์รัสเซียและยูเครนจะดีคลี่คลายลง และเศรษฐกิจจีนน่าจะดีขึ้น

ทั้งนี้ บริษัทยังคงแผนการขยายสถานีบริการน้ำมัน (PTT Station) ปีนี้จำนวน 129 สาขา และร้าน Cafe Amazon ที่ 389 สาขา จากไตรมาส 1/65 ขยายไปแล้วจำนวน 5 สาขา และ 57 สาขา ตามลำดับ ซึ่งยอมรับว่าช้ากว่าแผนเล็กน้อย แต่บริษัทฯ จะไปเร่งการขยายสาขาในช่วงปลายไตรมาส 2/65 เป็นต้นไป

ณ วันที่ 31 มี.ค.65 บริษัทฯ มีสาขา PTT Station ทั้งสิ้นจำนวน 2,453 สาขา, สถานีชาร์จ EV จำนวน 107 สาขา, ร้าน Cafe Amazon จำนวน 4,002 สาขา และยังมีการดำเนินงานใน 10 ประเทศทั่วโลก

นายพิจินต์ กล่าวว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อกิจการ (M&A) หรือการร่วมลงทุน (JV) อย่างต่อเนื่องอีกหลายดีล โดยคาดว่าปีนี้น่าจะสามารถประกาศปิดดีลได้บางราย อย่างไรก็ตาม การเจรจายังคงมุ่งเน้นไปเพื่อการเติมเต็มธุรกิจค้าปลีกที่ไม่ใช่น้ำมัน ซึ่งจะเข้ามาตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนที่เปลี่ยนไปในอนาคต


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ