CONSENSUS: โบรกฯแนะ"ซื้อ"CK เล็งกลับมามี Backlog สูงแตะ 1 แสนลบ.หนุนรายได้ปี 65-66โตเด่น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday June 15, 2022 13:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

            โบรกเกอร์                   คำแนะนำ              ราคาเป้าหมาย (บาท/หุ้น)
              พาย                        ซื้อ                   26.40
              หยวนต้า                     ซื้อ                   27.00
              โนมูระฯ                     ซื้อ                   25.25
              ดีบีเอสฯ                     ซื้อ                   25.00
              ยูโอบี เคย์เฮียน               ซื้อ                   23.80
              ทิสโก้                       ซื้อ                   25.50
              เคทีบีเอสที                   ซื้อ                   25.60
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.พาย กล่าวว่า แนะนำซื้อหุ้น CK โดยให้ราคาเหมาะสมไว้ที่ 26.40 บาท จากงานในมือ (Backlog) ที่คาดว่าจะมีเข้ามาเพิ่มขึ้นได้อีก โดยเฉพาะงานก่อสร้างเขื่อนหลวงพระบาง มูลค่าประมาณ 8 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะสามารถเซ็นสัญญาได้ในครึ่งปีหลังนี้ ซึ่งจะส่งผลให้ Backlog เพิ่มขึ้นจาก 6 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นไตรมาส 1/65 ทะลุ 1 แสนล้านบาท และน่าจะส่งผลทำให้ CK มีรายได้เติบโตมากที่คาดการณ์ไว้ที่ 16,000-17,000 ล้านบาท
ขณะที่ยังมีปัจจัยหนุนจากบริษัทย่อย โดยเฉพาะบมจ.ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ (BEM) หลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลงทำให้มีปริมาณรถใช้ทางด่วนและจำนวนผู้โดยสารรถไฟฟ้า MRT ปรับเพิ่มขึ้น และบมจ.ซีเค พาวเวอร์ (CKP) ก็น่าจะได้อานิสงส์จากฝนที่ตกลงมาค่อนข้างมาก
ทั้งนี้ยังมีโอกาสได้งานเพิ่มหาก BEM ชนะประมูลงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) โดยคาดจะสามารถยื่นซองประมูลได้ในครึ่งปีหลังนี้ อย่างไรก็ตามมองว่า BEM มีโอกาสที่จะชนะประมูลงานดังกล่าวค่อนข้างสูง เนื่องจากคู่แข่งน้อย และส่วนใหญ่เป็นงานรถไฟฟ้าใต้ดิน อีกทั้งส่วนหนึ่งของสถานีสายสีส้มยังเป็นจุดตัดกับสถานีของ BEM ที่ดำเนินการอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งหากได้รับงานดังกล่าวก็จะมีการส่งมอบงานก่อสร้างมาให้กับ CK มูลค่ารวมกว่าหลักแสนล้านบาท
นอกจากนี้ยังมีงานโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยาย 3 เส้นทาง ประกอบด้วย รังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (มธ.) ศูนย์รังสิต, ช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา, ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช มูลค่ารวมกว่า 2.27 หมื่นล้านบาท, โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงขอนแก่น-หนองคาย วงเงิน 2.97 หมื่นล้านบาท, โครงการรถไฟทางคู่ ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ที่คาดว่าจะเปิดประมูลได้ภายในปีนี้ และน่าจะส่งผลให้รายได้ของ CK เติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 66

สำหรับราคาหุ้น ถือว่ายังมีอัพไซด์ค่อนข้างมากจากราคาปัจจุบัน จึงแนะนำซื้อ โดยให้ระมัดระวังเรื่องของต้นทุนที่สูงขึ้นด้วย

นางสาววิชชุดา ปลั่งมณี ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) กล่าวว่า แนะนำซื้อ จากงานในมือเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง รวมถึงยังมีงานที่รอเซ็นสัญญา ได้แก่ งานอุโมงค์ระบายน้ำ บางบาล-บางไทร วงเงิน 3.2 พันล้านบาท ซึ่งจะหนุนงานในมือของ CK เพิ่มขึ้นเป็น 6.4 หมื่นล้านบาท นอกจากนั้น ยังมีงานที่รอเซ็นสัญญา คือ งานโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง วงเงินราว 8-9 หมื่นล้านบาท คาดเซ็นสัญญาได้ภายใน ปี 65 จะหนุนงานในมือของ CK เข้าสู่ระดับแสนล้านบาท

ขณะที่ CK ยังมีงานใหม่รออยู่อีกมาก ซึ่งนอกจากรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนต่อขยาย (ตลิ่งชัน -ศูนย์วัฒนธรรม) วงเงินก่อสร้างราว 1.27 แสนล้านบาท ก็จะมีงานทางด่วน ขั้นที่ 2 วงเงินราว 3.1 หมื่นล้านบาท งานอุโมงค์ระบายน้ำบางบาล-บางไทร วงเงินราว 5 พันล้านบาท (เป็นงานต่อเนื่องจากงานที่ CK อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา) งานสนามบินสุวรรณภูมิ เฟส 3 วงเงินราว 8 พันล้านบาท รวมถึงโครงการจากงบประมาณของกทม. ซึ่งครม.อนุมัติ แล้ว 9 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1.8 หมื่นล้านบาท พร้อมกันนี้ยังมีงานจาก Mega Project เช่น รถไฟทางคู่ เฟส 2 และงานรถไฟฟ้าสีแดงส่วนต่อขยาย ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาทางกระทรวงคมนาคมได้มีการให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าจะเริ่มต้นประกวดราคา 3 เส้นทาง วงเงิน 2.2 หมื่นล้านบาทก่อน โดยมีกรอบเวลาการประมูลระหว่างเดือน มิ.ย-ต.ค 65 ทั้งนี้มีมูลค่างาน โดยรวมที่บริษัทพร้อมเข้าประมูลราว 2.2 แสนล้านบาท สำหรับความกังวลเรื่องราคาวัสดุก่อสร้าง และค่าแรง ทาง CK คาดว่าจะสามารถบริหารจัดการได้ และยังอยู่ในความควบคุม โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำหลวงพระบาง ได้มีการทบทวนเรื่องราคาวัสดุก่อสร้างเพื่อให้สอดคล้องกับราคาปัจจุบันก่อนการเซ็นสัญญา ทั้งนี้บริษัทมีความระมัดระวังพอควรต่อระดับอัตรากำไรขั้นต้นในแต่ละโครงการ ซึ่งยังคงต้องติดตามผลกระทบในระยะถัดไป

โดยยังคงประมาณการอัตรากำไรขั้นต้นของปี 65 ไว้ที่ระดับ 7-10% ขณะที่ประเด็นการขาดแคลนแรงงาน ทางบริษัทไม่กังวล มองว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย มีการเปิดประเทศ ทำให้สามารถนำเข้าแรงงานจากต่างประเทศ เช่น จากประเทศลาวเข้ามาทำงาน รองรับปริมาณงานใหม่ที่เพิ่มขึ้นได้

นักวิเคราะหลักทรัพย์ บล.โนมูระฯ ระบุในบทวิเคราะห์ว่า คงคำแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก CK มีศักยภาพในการได้งานรัฐเด่นสุดในกลุ่ม เหมาะแก่การเข้าซื้อเก็งกำไรสำหรับงานรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะเปิดประมูลในเร็วๆนี้ และยังได้รับผลกระทบด้านต้นทุนน้อยกว่า เนื่องจากโครงสร้างต้นทุน กว่า 70% เป็นการจ้าง Subcontractor ซึ่งสามารถต่อรองราคาได้ รวมถึงมีการพึ่งพิงงานใหม่มากกว่า โดยราคากลางจะ สะท้อนต้นทุนในปัจจุบัน ส่วนความคืบหน้าของโครงการเขื่อนหลวงพระบาง มูลค่าคาดการณ์ 8.5 หมื่นล้านบาท จะเป็น key growth drive สำคัญ ในการเติบโตระยะยาว

อย่างไรก็ดีเบื้องต้นคาด CK จะได้ส่วนแบ่งงานรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกราว 3.8 หมื่นล้านบาท จากมูลค่าก่อสร้างรวม 1.27 แสนล้านบาท โดยอิง assumption market share ที่ราว 30% (เพราะคาดว่าต้องแบ่งงานบางส่วนให้ subcontractor) ซึ่งการเข้ามาของรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกนั้นได้รวมไว้ในประมาณการแล้ว คาดจะมี contribution ราว 3.4 พันล้านบาทหรือ 14% ของรายได้ในปี 66

ด้านแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 2/65 คาดฟื้นตัวทั้งจากช่วงเดียวกันของปีก่อน และไตรมาสก่อนหน้า หนุนจากการเริ่มรับรู้รายได้งานรถไฟทางคู่เด่นชัยเชียงรายเชียงของ หนุนรายได้ ก่อสร้าง เงินปันผลรับจาก TTW 232 ล้านบาท รวมถึงส่วนแบ่งกำไรฯ ฟื้นตัว ทั้ง BEM จากยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เริ่มลดลง และ CKP ที่ได้อานิสงส์ปริมาณน้ำเริ่มเข้า High season

คงมุมมองกำไรปกติปี 65 โต เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยฟื้นตัวเด่นในครึ่งปีหลังนี้จากหลายๆโครงการผ่านพ้นช่วง เริ่มแรกของโครงการ ส่วนแบ่งกำไรฯ ฟื้นตัวต่อเนื่อง โดยเฉพาะ CKP ที่ปริมาณน้ำจะสูงสุดในไตรมาส 3/65


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ