นายอุเทน โลหชิตพิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บมจ.พฤกษา โฮลดิ้งส์ (PSH) เปิดเผยว่า บริษัทยังเดินหน้าในการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพที่เกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และสุขภาพอย้างต่อเนื่อง (Prop Tech & Health Tech) เพื่อนำมาต่อยอดในการทำงานและพัฒนาบาการของบริษัท โดยที่ในครึ่งปีหลังบริษัทจะมีดีลที่เข้าไปลงทุนในสตาร์ทอัพเพิ่มที่มีความชัดเจนในช่วงครึ่งปีหลังนี้ โดยจะใช้เงินลงทุนอีก 500 ล้านบาท โดยที่บริษัทวางงบลงทุนสตาร์ทอัพไว้ในช่วง 3 ปีที่ 3.5 พันล้านบาท ปัจจุบันได้ใช้ไปแล้ว 400-500 ล้านบาท
สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของบริษัทในช่วงครึ่งปีหลังมองว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานจะสูงกว่าครึ่งปีแรก โดยเฉพาะในส่วนของยอดโอนที่คาดว่าจะสูงกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทจะมีการโอนคอนโดมิเนียมใหม่ที่สร้างเสร็จเข้ามาจำนวน 7 โครงการ มูลค่า 1.5 หมื่นล้านบาท โดยที่มียอดขายใน 7 โครงการดังกล่าวที่จะโอนเข้ามาในช่วงครึ่งปืหลังนื้ราว 1.4 หมื่นล้านบาท ทำให้เป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนยอดโอนของบริษัทในครึ่งปีหลังให้เติบโตอย่างโดดเด่นได้อย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ บริษัทยังมั่นใจยอดโอนในปีนี้ทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.3 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกมียอดโอนอยู่ที่ 1.1 หมื่นล้านบาท และมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 2.15 หมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ตามในช่วงสภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น และล่าสุดดอกเบี้ยนโยบายของไทยได้ปรับขึ้น 0.25% มาที่ 0.75% ต่อปี ส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการซื้อที่อยู่อาศัยบ้างในช่วงครึ่งปีหลัง แม้ว่าทางธนาคารพาณิชย์ต่างๆจะยังตรึงอัตราดอกเบี้ยไว้ เพื่อช่วยเหลือลูกค้าก็ตาม แต่มองว่าสามรถช่วยได้ในระยะสั้น หรือภายในปีสิ้นปีนี้ และเริ่มทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีหน้า ซึ่งในระยะสั้นมองว่าจะทำให้คนที่กำลังจะซื้อบ้านในช่วงที่เหลือของปีนี้เร่งการตัดสินใจซี้อและกู้ซื้อบ้านเร็วขึ้น เพื่อล็อกต้นทุนดอกเบี้ย ซึ่งเป็นผลบวกต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในระยะสั้น ซึ่งมองว่าการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นทุกๆ 0.25% จะทำให้ต้นทุนดอกเบี้ยของผู้กู้เพิ่มขึ้น 3-4%
สำหรับยอดขายของบริษัทในปี 65 ยังมั่นใจทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 3.1 หมื่นล้านบาท จากครึ่งปีแรกทำได้ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยที่ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงเดินหน้าเปิดโครงการใหม่เพิ่มอีก 23 โครงการ มูลค่ารวม 1.27 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น โครงการบ้านเดี่ยว 5 โครงการ ทาวน์เฮาส์ 15 โครงการ และคอนโดมิเนียม 3 โครงการ โดยในช่วงครึ่งปีแรกเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 8 โครงการ มูลค่า 3.62 หมื่นล้านบาท
ด้านธุรกิจโรงพยาบาลวิมุติหลังจากเปิดมาแล้วราว 1 ปี ทิศทางการเติบโตของรายได้ยังเห็นการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากการใช้บริการของผู้ป่วยมีเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทั้งผู้ป่วยในและผู้ป่วยยอก ประกอบกับบริษัทยังเตรียมเพิ่มเตียงให้บริการในครึ่งปีหลังนี้อีก 100 เตียง จากปัจจุบันมี 236 เตียง ทำให้จะเสริมรายได้เข้ามา และขยายฐานลูกค้ากลุ่มอาเซียน เช่น เมียนมา ลาว กัมพูชา และกลุ่มอาหรับ เพิ่มเติม พร้อมกับการเปิดให้บริการศูนย์ฟื้นฟูสุขภาพ (Vimut Wellness) แห่งแรกที่บางนา ในวันที่ 12 ส.ค.นี้ และในไตรมาส 4/65 จะมีการเปิดให้บริการศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงอายุ SENERA คู้บอนเพิ่มเติม พร้อมกับศึกษาลงทุนโครงการ SENERA เพิ่มเติมอีกในทำเลบางบัวทองในอนาคต