(เพิ่มเติม) ALPHAX เปิดตัวบ้านเดี่ยวไฮเอนด์ ปั้น New S-Curve ใหม่ อสังหา-สินเชื่อ-กัญชงกัญชา

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday August 23, 2022 15:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายธีร ชุติวราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อัลฟ่า ดิวิชั่นส์ (ALPHAX) เปิดเผยว่าแผนกลยุทธ์ในครึ่งหลังของปีนี้ จะเห็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ (Big Change) โดยกลุ่มบริษัทจะมีการปรับโครงสร้างธุรกิจเพื่อมุ่งสู่การเป็นผู้นำธุรกิจทั้งในส่วนของอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจเช่าซื้อ-ปล่อยสินเชื่อ และธุรกิจกัญชงกัญชา โดยจะเห็นภาพการเติบโตที่โดดเด่นทั้งในส่วนของรายได้และกำไร

ทั้งนี้ ในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปลายปีนี้ บริษัทเปิดตัวโครงการบ้านเดี่ยวระดับไฮเอนด์ The valor รามอินทรา 62 มูลค่าโครงการ 480 ล้านบาท มีเพียง 23 หลัง คาดว่าเริ่มโอนและรับรู้รายได้ภายในปีนี้ทั้งหมด หลังจากเปิดตัวไปเบื้องต้นช่วงต้นเดือน ส.ค.ขณะนี้ยอดขายแล้ว 80 ล้านบาท หนุนให้ยอดขายรอโอน (Backlog) รวมเพิ่มขึ้นแตะระดับ 500 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้เข้ามาในปีนี้ราว 120 ล้านบาท และส่วนที่เหลือจะทยอยรับรู้รายได้ทั้งหมดภายในปี 66

บริษัทยังเตรียมเปิดโครงการใหม่อีก 4 โครงการในช่วงที่เหลือของปีนี้ รวมมูลค่าโครงการทั้งหมดราว 10,000 ล้านบาท ได้แก่ IKON SUKHUMVIT 77 มูลค่าโครงการ 1,215 ล้านบาท, IKON UDOMSUK มูลค่าโครงการ 630 ล้านบาท, V TOWER มูลค่า 5,500 ล้านบาท, THE SUKHUMVIT มูลค่าโครงการ 1,050 ล้านบาท และ BANG KRACHAO มูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท

สำหรับธุรกิจเช่าซื้อ-ปล่อยสินเชื่อใน สปป.ลาว ภายใต้ บริษัท มหทุน โฮลดิ้ง จำกัด (MHTH) ซึ่ง ALPHAX ถือหุ้นในสัดส่วน 76.78% และ MHTH เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท มะหะทุน เช่าสินเชื่อ มหาชน (MHTL) ซึ่งประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถจักรยานยนต์ รถมือสอง และเครื่องจักรกลการเกษตร ในนครเวียงจันทน์ เตรียมออกโปรดักส์ใหม่รองรับดีมานด์ลูกค้า นายธีร กล่าวว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ คือ สินเชื่อทองคำ สินเชื่อรถยนต์ Luxury และ นาโนไฟแนนซ์ โดยคาดว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้มีการปล่อยสินเชื่อมากขึ้น คาดหวังว่าจะมีพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นปี 65 เพิ่มขึ้นเป็น 600 ล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 400 ล้านบาท

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างเจรจาขอสินเชื่อกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศแห่งหนึ่ง ซึ่งจะทำให้มีความได้เปรียบในเรื่องของต้นทุนในการปล่อยกู้ และทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ พร้อมกันนี้กลุ่มบริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนาแพลตฟอร์ม Digital Lending เพื่อนำมาใช้ในการขยายธุรกิจทั้งในไทยและลาว สอดรับแผนการก้าวสู่ความเป็นผู้นำ Fintech ของกลุ่มบริษัท "แผนการดำเนินงานในส่วนของธุรกิจเช่าสินเชื่อในลาว หลังจากที่บริษัทเข้าถือหุ้นใหญ่และเริ่มรับรู้รายได้เข้ามาในช่วงไตรมาส 2 บางส่วน ซึ่งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้จะรับรู้เข้ามาเต็มที่ เตรียมจะออกโปรดักส์สินเชื่อใหม่เพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าในนครเวียงจันทน์ คาดว่าจะเปิดตัวสินเชื่อทองคำและสินเชื่อนาโนไฟแนนซ์เร็วๆนี้ ผ่านการใช้ฐานลูกค้าเดิมของมะหะทุนเช่าสินเชื่อที่มีจำนวนกว่า 80,000 ราย"นายธีร กล่าว ด้านธุรกิจสกัดสารกัญชง-กัญชา บริษัทเตรียมเพิ่มกำลังการผลิตขึ้นอีก 100 เท่า โดยได้มีการสั่งซื้อเครื่องจักรแล้ว ซึ่งมีศักยภาพในการป้อนวัตถุดิบ 30,000 กิโลกรัม (30 ตัน) ต่อเดือน และมีกำหนดเดินเครื่องผลิตในช่วงไตรมาส 4/65 อย่างไรก็ตามกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ยังอยู่ระหว่างรอความชัดเจนเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สินค้าของ อย. ซึ่งหากมีความชัดเจนก็มีความพร้อมสามารถที่จะเดินเครื่องผลิตได้ทันที นอกจากนั้น หลังจากภาครัฐปลดล็อกกัญชาจากยาเสพติดในเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ "ช่อดอกกัญชาเกรดพรีเมียม" สายพันธุ์ต่างประเทศกว่า 25 สายพันธุ์ ภายใต้แบรนด์ CRAFT ORIGINAL โดยวางจำหน่ายในร้านค้าพันธมิตรตามจังหวัดต่างๆในทุกภาคเพียงครึ่งเดือนสุดท้ายของไตรมาส 2/65 สามารถสร้างยอดขายได้แล้วกว่า 16 ล้านบาท และคาดว่าครึ่งหลังของปีนี้จะเติบโตอย่างน้อย 10% ต่อไตรมาส "ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้นักลงทุนจะได้เห็น Big Change ในกลุ่มธุรกิจของ ALPHAX ซึ่งแต่ละหน่วยธุรกิจ พร้อมก้าวสู่ความเป็นผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นอสังหาที่เตรียมเปิดตัวโปรเจ็คต์ใหม่แนวราบ ตอบโจทย์ลูกค้าในระดับไฮเอนด์ ขณะที่ธุรกิจเช่าซื้อและปล่อยสินเชื่อใน สปป.ลาว จะเป็นผู้นำตลาดรายแรกที่เตรียมปล่อยกู้ซื้อทองคำ และนาโนไฟแนนซ์ และสุดท้ายคือ ธุรกิจสารสกัดกัญชงกัญชา หากการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์สินค้าของ อย. เริ่มมีความชัดเจน กลุ่มบริษัทฯก็พร้อมเสิร์ฟสินค้าป้อนให้กับลูกค้าได้ทันที ทั้งหมดนี้คือข้อสรุปแผนครึ่งปีหลังของกลุ่มบริษัทฯที่พร้อมจะโตแบบก้าวกระโดดตามแผนงานที่วางไว้" นายธีร กล่าว สำหรับภาพรวมรายได้ทั้งปี 65 บริษัทยังคงมั่นใจว่าจะมีรายได้ไม่ต่ำกว่า 600 ล้านบาท โดยทิศทางผลประกอบการในช่วงที่เหลือของปีนี้จะยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าจะมีสัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ 70% ธุรกิจกัญชงกัญชา 15% และ ธุรกิจสินเชื่อใน สปป.ลาว 15% จากนั้นในปี 66 หลังจากรับรู้รายได้ของธุรกิจเข้ามาเต็มที่จะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากอสังหาริมทรัพย์ปรับลงมาเป็น 50-55% ธุรกิจสินเชื่อใน สปป.ลาว 20% ส่วนที่เหลือจะมาจากธุรกิจกัญชงกัญชา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ