AURA ขอเป็นที่พึ่งช่วงช็อตเงินสด ปั้นพอร์ตลูกหนี้ "ทองมาเงินไป" โตเท่าตัวใน 2 ปี

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday December 15, 2022 14:37 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนิพัทย์ ศรีรุ่งธรรม ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาด บมจ.ออโรร่า ดีไซน์ (AURA) เผืดเผยว่า บริษัทวางเป้าหมายเพิ่มพอร์ตลูกหนี้ขายฝากทองรูปพรรณ รวมถึงเครื่องประดับที่มีทองคำและเพชรเป็นส่วนประกอบ ภายใต้แบรนด์ "ทองมาเงินไป" เป็น 2,800 ล้านบาทในปี 66 และเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็น 3,700 ล้านบาท ในปี 67 จากปัจจุบันอยู่ที่ 1,900 ล้านบาท ด้วยกลยุทธ์ Customer centric มุ่งเน้นพัฒนาบริการทุกด้าน เพิ่มความแข็งแกร่งของบริการ รวมถึงการพัฒนาช่องทางให้บริการครอบคลุมเข้าถึงทุกกลุ่มลูกค้า

ล่าสุด บริษัทได้ร่วมกับพันธมิตร 3 ราย คือ CJ More พัฒนาสาขารูปแบบใหม่ให้เข้าถึงแหล่งชุมชนเพื่อให้เข้าถึงลูกค้าได้ใกล้ชิดมากขึ้น ต่อมาคือ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เข้ามาช่วยในการพัฒนาด้านเทคโนโลยีการชำระเงินของลูกค้าให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และสุดท้าย คือ LINE BK ที่มีบัญชีผู้ใช้กว่า 5 ล้านรายจะเข้ามาเป็นฐานข้อมูลเพื่อทำการตลาด

นอกจากนี้ AURA ยังอยู่ระหว่างการมองหาพันธมิตรใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มเพื่อสนับสนุนการเติบโตของบริษัทด้วย

แบรนด์ "ทองมาเงินไป" เกิดจากแนวคิดที่ต้องการช่วยเหลือลูกค้าให้เข้าถึงแหล่งเงินได้ง่ายขึ้น ในอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมถูกกฎหมายและสะดวกยิ่งขึ้น จากการเปิดให้บริการมากว่า 3 ปีเห็นได้ชัดว่ามีแนวโน้มที่ดี สร้างรายได้เติบโตไม่ต่ำกว่าปีละ 45% และมียอดผู้ใช้บริการมากกว่า 130,000 คน ด้วยจุดเด่น คือ 1.ให้วงเงินสูง 2. ไม่ต้องมีคนค้ำ รับเงินสดได้ทันที 3. ดอกเบี้ยต่ำเพียง 1.25% ต่อเดือน 4. สาขาให้บริการมากกว่า 200 สาขาทั่วประเทศ

บริษัทพัฒนาแอปพลิเคชัน "ทองมาเงินไป" ให้เป็นช่องทางใหม่ในการรับบริการชำระดอกเบี้ย, เช็คสถานะสัญญาขายฝากทองได้ทุกที่และทุกเวลา, ชำระอัตราดอกเบี้ยเพื่อต่อสัญญา, เช็คราคารับขายฝากทองแบบเรียลไทม์, ค้นหาห้างเพชรทองออโรร่า และ ทองมาเงินไปสาขาใกล้เคียง พร้อมรับรู้ข่าวสารดีๆ โปรโมชันสำหรับผู้ใช้บริการมากมาย (News and Promotion) รวมถึงแจ้งเตือนลูกค้าสำหรับสัญญาที่จะหมดอายุ เพื่อป้องกันทรัพย์สินหลุดขายฝาก (Notification Alert) ซึ่งเป็นบริการที่ทำให้การขายฝากทองคำง่ายและสะดวกขึ้น ลูกค้าสามารถชำระดอกเบี้ยได้โดยไม่ต้องมาที่สาขา

กลุ่มลูกค้าหลักของ "ทองมาเงินไป" ส่วนใหญ่จะเป็นเพศหญิง และกว่า 90% เป็นกลุ่มคนวัยทำงาน อายุระหว่าง 28-45 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป พ่อค้าแม่ค้า อาชีพอิสระ ส่วนที่เหลือเป็นกลุ่มพนักงานหรือลูกจ้างเอกชนที่ถือทองคำ และต้องการเปลี่ยนเป็นเงินสดเพื่อเพิ่มสภาพคล่องทางการเงินชั่วคราว หรือต่อยอดธุรกิจ โดยลูกค้ามักจะเข้ามาใช้บริการสูงสุดในช่วงเดือน มี.ค. และ ต.ค. เนื่องจากเป็นช่วงเปิดเทอมใหม่ ผู้ปกครองมีความต้องการใช้เงิน

และพบข้อมูลที่น่าสนใจระบุว่า กลุ่มลูกค้าขายฝากที่ทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันจะมีรอบการต่อดอกเบี้ยยาวนานที่สุด ถือเป็นจุดเด่นและข้อได้เปรียบของบริษัทที่จะนำไปพัฒนาบริการเพื่อเสนอบริการอื่นๆ ให้กับกลุ่มลูกค้านี้ได้อีกในอนาคต

ส่วนธุรกิจจำหน่ายทองรูปพรรณ บริษัทตั้งเป้าหมายปริมาณการขายทองคำในปีหน้าเติบโตไม่ต่ำกว่า 10% หลังจากภาพรวมเศรษฐกิจปรับตัวดีขึ้น ความต้องการทองคำยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยจะขยายสาขาภายใต้ 5 แบรนด์ของบริษัท คือ AURORA, เซ่งเฮง, ทองมาเงินไป, ของขวัญ by AURORA และ AURORA Diamond ให้เพิ่มเป็น 409 สาขาในปี 67 เพื่อให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มทั่วประเทศ จากปัจจุบันมีสาขาทั้งหมด 266 สาขา แบ่งเป็นกรุงเทพฯและปริมณฑล 146 สาขา และต่างจังหวัด 120 สาขา

"ยอดขายทองคำส่วนใหญ่จะมีมากในช่วงไตรมาส 4 และ ไตรมาส 1 ของทุกๆปี ซึ่งในช่วงปลายปี 65 นี้ก็มีทิศทางที่เติบโตได้ต่อเนื่อง หลังจากที่เศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้น และ ทองถือว่าได้รับความนิยมที่จะใช้เป็นแหล่งออมเงิน เพราะมีความเสี่ยงต่ำ และยังมีโอกาสได้กำไรจากการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำด้วย"นายอนิพัทย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ