PERM รับรู้ฯงานโครงหลังคาเหล็ก"สยามอุตฯ"ใน Q2/51,เตรียมเพิ่มกำลังผลิต

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday April 10, 2008 11:49 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายชูเกียรติ ยงวงศ์ไพบูลย์ ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.เพิ่มสินสตีลเวิร์ค(PERM)คาดว่า บริษัทจะรับรู้รายได้จากงานโครงสร้างหลังคาเหล็กของบริษัท สยามอุตสาหกรรมยิบซัม (สระบุรี) จำกัด มูลค่า 25 ล้านบาท ได้ในช่วงไตรมาส 2/51 และยังมีโอกาสได้งานในเฟสต่อไปของโครงการดังกล่าว
"จากงานดังกล่าวทำให้ PERM มีงานในมือที่เซ็นสัญญาแล้ว(backlog) เพิ่มมากขึ้น โดยปัจจุบันมีงานหลังคาเหล็กอยู่ประมาณ 100-200 ล้านบาท" นายชูเกียรติ กล่าว
นายชูเกียรติ กล่าวต่อว่า สยามอุตสาหกรรมยิบซัมฯ จะมีการขยายโรงงานเพิ่มเติม ซึ่งงานที่ PERM ได้มาเป็นเพียงเฟสแรกเท่านั้น ยังจะมีเฟสที่ 2 และ 3 ตามมาอีก และบริษัทก็มั่นใจว่าในเฟสที่เหลือน่าจะได้รับงานดังกล่าว
สำหรับทิศทางอุตสาหกรรมเหล็กในปีนี้ มั่นใจว่าจะอยู่ในช่วงขาขึ้น ทั้งประเภทเหล็กรีดร้อนและเหล็กรีดเย็น คาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นได้อีกและมีแนวโน้มจะปรับขึ้นต่อเนื่อง หลังจากราคาสินแร่เหล็กได้ปรับตัวขึ้น โดยผู้ประกอบการต่างคาดการณ์ว่าช่วงเดือน ก.ค.นี้ราคาสินแร่เหล็กน่าจะขยับขึ้นอีกประมาณ 60% ขณะที่ความต้องการใช้เหล็กได้ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 10% ทุกปี ซึ่งเมื่อความต้องการใช้เหล็กของทั่วโลกมีมากขึ้น อาจจะส่งผลให้เกิดภาวะการขาดแคลนเหล็กได้ ดังนั้นราคาเหล็กจึงเป็นไปได้ที่จะปรับตัวขึ้นสูงตามไปด้วย
ทั้งนี้ จากปัจจัยดังกล่าวน่าจะส่งผลดีต่อผลประกอบการของบริษัทในปีนี้ว่า ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะทำได้ตามที่คาดการณ์ไว้ที่ 2,100 ล้านบาท และในปัจจุบัน PERM มีสต็อกเหล็กล่วงหน้าประมาณ 3 เดือนซึ่งเป็นสต็อกเก่าของต้นปี 2551 ขณะที่ราคาเหล็กในปัจจุบันได้เพิ่มขึ้นมากและมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นต่อไปอีก ส่งผลทำให้บริษัทฯ มีกำไรจากการสต็อกเหล็กดังกล่าว อีกทั้งจากการที่ฐานของลูกค้าขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและมีคำสั่งซื้อเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทได้รับผลบวกจากปัจจัยดังกล่าว
ขณะเดียวกัน บริษัทฯ เตรียมเพิ่มกำลังการผลิตในปีนี้อีกประมาณ 10% เป็น 1.4 - 1.5 แสนตันต่อปี จากปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 1.1-1.2 แสนตันต่อปี หลังจากโรงงานแห่งที่ 5 แล้วเสร็จ โดยคาดว่าจะเริ่มเดินเครื่องผลิตได้ภายในปีนี้
ปัจจุบันบริษัทฯ มีสัดส่วนลูกค้าจากอุตสหกรรมยานยนต์คิดเป็น 25-30% ,อุตสาหกรรมไฟฟ้า 30% และอื่นๆ 25-30% และเชื่อว่าในอนาคตของลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ จะขยายตัวเพิ่มขึ้นด้วย

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ