PS สรุปแผนลงทุนเวียดนาม-อินเดียปลายปี/รับรู้กำไรจากมาตรการภาษีQ2-4/51

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday April 11, 2008 13:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ. พฤกษาเรียลเอสเตท (PS) คาดว่า ในปลายปีนี้ บริษัทคงจะสามารถสรุปการเข้าลงทุนในประเทศเวียดนามและอินเดีย ซึ่งช้ากว่าที่ประเมินไว้ในกลางปีนี้  เนื่องจาก จากการสำรวจที่ดินทั้ง 2 ประเทศพบว่ามีราคาที่ดินสูงกว่าที่คาดไว้ โดยจะกลับมาพิจารณาต้นทุนที่ดินอีกครั้ง 
อย่างไรก็ตาม ในการไปลงทุนในต่างประเทศ จะต้องเป็นที่ดินย่านใกล้ชุมชน และมีระยะเวลาสร้างและโอนภายในระยะเวลา 4 เดือน เหมือนในไทย โดยใช้เงินลงทุนในช่วงแรกไม่เกิน 300 ล้านบาทในแต่ละแห่ง
"การไปลงทุนในต่างประเทศ จะต้องศึกษาให้รอบคอบ ซึ่งคาดว่าในช่วงปลายปีนี้จะเห็นบทสรุปถึงรูปแบบในการเข้าไปลงทุน และรูปแบบบ้าน แต่คงจะเป็นแนวราบมากกว่า ซึ่งหากปลายปีนี้สรุปได้ โครงการต่างประเทศก็จะเห็นรายได้ในปีหน้า" นายทองมา กล่าว
*รับรู้กำไรจากมาตรการอสังหาฯใน Q2-4/51
สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 2/51 ยอดขายจะเติบโตต่อเนื่องจากไตรมาส 1/51 หรือสูงกว่า จากไตรมาส 1/51 ที่มียอดขาย 4,884 ล้านบาท เนื่องจากมาตรการภาษีของภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ส่งผลทำให้มีคนเข้าเยี่ยมชมโครงการ และช่วยให้ตัดสินใจเร็วขึ้น โดยยอดขายของบริษัทเติบโตทุกกลุ่ม ทั้งคอนโดมิเนียยม บ้านเดี่ยว และ ทาวน์เฮ้าส์
ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ ประมาณ 1.1 หมื่นล้านบาท โดยจะเป็นการทยอยโอนเข้ามาเป็นรายได้ในปี 51 จำนวน 7 พันล้านบาทและที่เหลือจะบันทึกเป็นรายได้ในปีหน้า
นอกจากนี้ บริษัทยังได้รับผลดีจากมาตรการภาษีอสังหาริมทรัพย์ 3-4% หรือคิดเป็นเงินประมาณ 400-500 ล้านบาท โดยจะเป็นการทยอยเข้ามาเป็นกำไร ในไตรมาส 2/51 - 4/51 ซึ่งจะทำให้อัตรากำไรขั้นต้นของบริษัทปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน
สำหรับ ราคาวัสดุที่ปรับเพิ่มขึ้น บริษัทไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากได้มีการประมูลวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างตั้งแต่ช่วงปลายปี รวมทั้งบริษัทย่นระยะเวลาก่อสร้างและโอนเหลือ 4 เดือนช่วยลดต้นทุนได้ และการปรับลดต้นทุนดังกล่าว จะทำให้บริษัทสามารถตรึงราคาขายบ้านได้ถึงสิ้นปีนี้
นายทองมา กล่าวว่า ในวันนี้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติหุ้นกู้จำนวน 2 พันล้านบาท อายุ 3 ปี บริษัทคาดว่าภายในสิ้นปีนี้จะเสนอขายหุ้นกู้ทั้งจำนวน แต่ยังไม่สามารถระบุรูปแบบเสนอขาย
ทั้งนี้ การออกหุ้นกู้ดังกล่าว จะช่วยภาระดอกเบี้ยจ่าย และเชื่อว่าหากมีการออกหุ้นกู้ บริษัทไม่จำเป็นต้องเพิ่มทุน เพราะปัจจุบันมีอัตราหนี้สินต่อทุน ต่ำเพียง 0.35 เท่า

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ