(เพิ่มเติม) ภาวะตลาดหุ้นไทย: แนวโน้มดัชนีเช้าปรับขึ้นต่อตามภูมิภาค Bond Yield-ดอลลาร์อ่อนค่าหนุน Flow ไหลเข้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 31, 2023 09:26 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล, CISA ผู้อำนวยการอาวุโส สายงานวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้ ปรับตัวขึ้นได้ต่อเป็นไปตามตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย หลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ(Bond Yield) และค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าหนุนให้เงินทุนต่างชาติไหลเข้าต่อเนื่อง เห็นได้จากสองวันที่ผ่านมาต่างชาติซื้อสุทธิรวมกันกว่า 1,000 ล้านบาท

ทั้งนี้เป็นผลมาจากนักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มากขึ้น หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เริ่มกลับมามองว่าเฟดน่าจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือนกันยายนนี้ มากกว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ขณะที่การเมืองในประเทศเอง ก็ยังเป็นไปในทิศทางบวก โดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เร่งแก้ไขปัญหาประเทศ พร้อมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ คาดว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจ และการลงทุน

ให้แนวรับไว้ที่ 1,570-1,572 จุด ส่วนแนวต้านให้ไว้ที่ 1,580-1,590 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์ก (30 ส.ค.)ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,890.24 จุด เพิ่มขึ้น 37.57 จุด หรือ +0.11%,ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,514.87 จุด เพิ่มขึ้น 17.24 จุด หรือ +0.38% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,019.31 จุด เพิ่มขึ้น 75.55 จุด หรือ +0.54%
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนีนิกเกอิตลาดหุ้นโตเกียวเปิดตลาดที่ระดับ 32,361.02 จุด เพิ่มขึ้น 27.56 จุด หรือ +0.09% ดัชนีฮั่งเส็งตลาดหุ้นฮ่องกงเปิดที่ระดับ 18,580.47 จุด เพิ่มขึ้น 97.61 จุด หรือ +0.53% และดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิตตลาดหุ้นจีนเปิดที่ระดับ 3,134.55 จุด ลดลง 2.59 จุด หรือ -0.08%
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (30 ส.ค.66) 1,576.67 จุด เพิ่มขึ้น 7.86 จุด (+0.50%) มูลค่าการซื้อขาย 62,156.77 ล้านบาท
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 2,037.30 ล้านบาท เมื่อวันที่ 30 ส.ค.66
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนต.ค.(30 ส.ค.) เพิ่มขึ้น 47 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ระดับ 81.63 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (30 ส.ค.) อยู่ที่ 12.44 เหรียญ/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 34.89 แข็งค่าสอดคล้องภูมิภาค หลังตัวเลขศก.สหรัฐแย่กว่าคาด จับตาทิศทาง Flow
  • "เศรษฐา" ประกาศประชุม ครม. นัดแรกลดราคาพลังงานทันที หารือ "สุพัฒนพงษ์" ส่งต่อแนวทางดูแลราคาน้ำมัน "พลังงาน" เตรียมทางเลือกลดราคาดีเซล ลดภาษี ปรับโครงสร้างราคา หน้าโรงกลั่น เสนอแนวทางลดค่าเอฟที ยืดจ่ายหนี้ให้ กฟผ.แสนล้าน ด้าน กบน.ตรึงก๊าซหุงต้มถัง 15 กิโลกรัม 423 บาท รอทิศทางนโยบายรัฐบาลใหม่
  • สศค.เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือน ก.ค.66 ว่า ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทน และภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวได้ต่อเนื่อง ทั้งจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศและผู้เยี่ยมเยือนชาวไทย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อปรับตัวลดลงต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การส่งออกยังคงชะลอตัวตามภาวะเศรษฐกิจโลก โดยการบริโภคในหมวดสินค้าคงทน สะท้อนจากปริมาณการจำหน่ายรถยนต์นั่งและปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ ในเดือน ก.ค.66 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.3% และ 13.0% ตามลำดับ
  • นักเศรษฐศาสตร์ ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ธนาคารเอชเอสบีซี เปิดเผยว่า ได้ประเมินการขาดดุลทางการคลังในปีงบประมาณ 67 เพิ่มขึ้นเป็น 4.4% ของจีดีพี จากเดิมที่คาดไว้ 4.1% และลดการคาดการณ์ดุลบัญชีเดินสะพัดในปี 67 ลงเหลือ 2.2% ของจีดีพี จากเดิมที่คาดไว้ 2.8% เนื่องจากพรรคเพื่อไทยแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมี นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท และคาดว่าจะเร่งทำในช่วงครึ่งปีแรกปี 67 ทำให้มีการใช้จ่ายเพิ่มแต่ความเสี่ยง คือ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) อาจกลับมาใช้นโยบายแบบเข้มงวดหรือขึ้นดอกเบี้ยอีกครั้งหากเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเร็วกว่าที่คาด
  • ตลาดหุ้นกู้ระทึกอีกรอบ นักลงทุนเฝ้าจับตา บจ.สายบันเทิง ส่อผิดนัดชำระหนี้ 1 ก.ย.นี้ มูลค่าราว 600 ล้านบาท ส่อทำหุ้นกู้รุ่นอื่นๆ มูลค่ารวม 3.3 พันล้านบาท ดีฟอลต์ตามไปด้วย ซ้ำเติมภาวะลงทุน คนในวงการ หวังรัฐบาลใหม่เข้าดูแลฟื้นเชื่อมั่น ตลาดหุ้นกู้ยังคงมีเรื่องให้นักลงทุนตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา ล่าสุดคนในวงการเฝ้าจับตาหุ้นกู้ของบริษัทจดทะเบียน(บจ.)รายหนึ่ง ซึ่งจะครบกำหนดชำระหนี้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ โดยนักลงทุนกังวลว่า บจ. ดังกล่าว อาจไม่สามารถหาเงินมาไถ่ถอนหนี้ หุ้นกู้ดังกล่าวได้ ส่งผลให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้ (Default) และซ้ำเติมความเชื่อมั่น การลงทุนในตลาดหุ้นกู้ได้

*หุ้นเด่นวันนี้

  • SAK (กสิกรไทย) ราคาพื้นฐาน 6.7 บาท ภาพแนวโน้มธุรกิจคาดจะปรับตัวดีขึ้นในครึ่งปีหลัง โดยเรามอง NPL เริ่มควบคุมได้ ทำให้ credit cost ในช่วงครึ่งปีหลังจะต่ำกว่าครึ่งปีแรก อีกทั้งราคาสินค้าเกษตรปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องและนโยบายภาครัฐที่จะช่วยหนุนมองเป็นบวกกับบริษัท กอปรกับราคาหุ้นมี upside valuation ทำให้เรามองหุ้นมีความน่าสนใจเข้ากับกระแสปัจจุบัน
  • CPAXT (กรุงศรี) "ซื้อ" เป้า IAA Consensus 40 บาท รัฐบาลใหม่เตรียมลดค่าไฟฟ้า หนุนกำลังซื้อประชาชนเพิ่มขึ้น และเป็นบวกโดยตรงต่อ CPAXT จากภาระค่าไฟฟ้าต่อหน่วยที่ลดลง
  • WORK (เมย์แบงก์)เป้าหมายเชิงกลยุทธ์ 18 บาท แนวโน้มกำไรครึ่งหลังปี 66 น่าจะฟื้นตัวเด่นเทียบกับช่วงครึ่งปีแรก ในช่วง high season จากธุรกิจคอนเสิร์ต อีเวนท์ และ TV ที่แนวโน้มรายได้โฆษณาน่าจะดีขึ้นจากความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ และการขับเคลื่อนนโยบายกระตุ้นการบริโภคจากรัฐบาลใหม่

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ