PTG ผนึก "ไพศาล แคปปิตอล" ปั้นพอร์ตโตเท่าตัวต่อยอดสินเชื่อรถบรรทุกปูทางส่งเข้าตลาดหุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday January 9, 2024 14:18 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

PTG ผนึก

นายพิทักษ์ รัชกิจประการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.พีทีจี เอ็นเนอยี (PTG) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าจะสามารถปิดดีลเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ บริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด จำนวน 50,000,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 33.33% มูลค่าลงทุน 825,000,000 บาท เพื่อร่วมลงทุนในธุรกิจการให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง ภายในเดือน ม.ค.67 จากนั้นจะรับรู้ส่วนแบ่งกำไรเข้ามาทันที

การร่วมมือกับ ไพศาล แคปปิตอล ถือเป็นก้าวแรกของบริษัทที่นำเข้าไปสู่ธุรกิจสินเชื่อ เพื่อสร้างการเติบโต สร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกัน และต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจ (Ecosystem) ของบริษัทฯ ขยายความหลากหลายของบริการให้ลูกค้าอยู่ดีมีสุข

"บริษัทฯ เล็งเห็นความสำคัญในการขยายช่องทางธุรกิจใหม่ๆ ที่สามารถนำมาต่อยอดธุรกิจหลักในอนาคตได้โดยมีความตั้งใจจะนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการที่หลากหลายให้เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและกว้างขวางมากขึ้น พร้อมทั้งสร้างช่องทางใหม่สำหรับลูกค้าซึ่งเป็นการเปิดโอกาสให้ลูกค้าที่ถือบัตรสมาชิก PT Max Card และ PT Max Card Plus ที่ปัจจุบันมีฐานสมาชิกกว่า 20 ล้านสมาชิกได้เข้าถึงบริการที่มีศักยภาพ ถือเป็นการต่อยอดระบบนิเวศทางธุรกิจและแบรนด์ PTG ให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น" นายพิทักษ์ กล่าว

ด้านนายสุกฤษฏิ์ เหรียญภิญญวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไพศาล แคปปิตอล จำกัด กล่าวว่า บริษัทจะนำเงินทุนที่ได้จาก PTG ไปขยายพอร์ตสินเชื่อรถบรรทุกมือสอง จากรถที่มีอายุมากกว่า 15 ปี เข้าไปในกลุ่มรถบรรทุกที่มีอายุน้อยกว่า 15 ปีด้วย ซึ่ง ณ สิ้นปี 66 บริษัทมีพอร์ตลูกหนี้เช่าซื้อกว่า 2,600 ล้านบาท ตั้งเป้าเติบโตราว 30% ต่อปี โดยคาดว่าจะเติบโตเป็นเท่าตัวในอีก 2-3 ปีข้างหน้า ซึ่งก็จะตรงกับที่บริษัทวางเป้าหมายที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ด้วย

พร้อมกันนั้น บริษัทมองโอกาสการขยายสาขาผ่านช่องทางสถานีบริการน้ำมัน PTG ที่มีกว่า 2,000 แห่งทั่วประเทศ เบื้องต้นจะเข้าไปขยายเพิ่ม 2 สาขาแรกในภาคอีสาน คือ จ.อุดรธานี และ จ.ขอนแก่น เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่หลักๆ ที่ใช้รถบรรทุกจำนวนมาก ส่วนธุรกิจประกันจะนำไปพัฒนาระบบให้มีมาตรฐานมากขึ้นเพื่อกระจายสู่ลูกค้าใหม่

รวมถึงบริษัทยังมีแผนขยายไปยังธุรกิจสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ และสินเชื่อส่วนบุคคล เพิ่มเติม จากปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขอใบอนุญาตประกอบธุรกิจสินเชื่อดังกล่าว คาดว่าจะรับใบอนุญาตในช่วงกลางปี 67

"ความร่วมมือกับ PTG ในครั้งนี้ถือเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกันกับพันธมิตรที่มีวิสัยทัศน์ตรงกันในการร่วมสร้างโอกาสทางการเงินให้กับผู้คน เพื่อสร้างการเติบโตอย่างมั่นคงและแข็งแกร่งไปพร้อมกันๆ ทำให้ทั้งสองบริษัทสามารถขยายฐานลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญช่วยเพิ่มพอร์ตสินเชื่อของบริษัทฯ ให้เติบโตมากยิ่งขึ้น โดยบริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพของ PTG ที่มีความต้องการขยายธุรกิจและสร้างแบรนด์ของตัวเองให้เป็นที่รู้จักในตลาด จึงเชื่อมั่นว่า PTG จะช่วยส่งเสริมธุรกิจของบริษัทฯ ด้วยเช่นกัน" นายสุกฤษฏิ์ กล่าว

ไพศาล แคปปิตอล ประกอบธุรกิจให้บริการสินเชื่อเช่าซื้อรถบรรทุกมือสอง สินเชื่อเพื่อหมุนเวียนธุรกิจ และสินเชื่อ Refinance ดำเนินธุรกิจมา 21 ปี มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำในการให้บริการสินเชื่อในระดับประเทศและภูมิภาค และได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าในการใช้บริการสินเชื่อเช่าซื้อ หรือแหล่งเงินกู้ ภายใต้วิสัยทัศน์เป็นแบรนด์ที่มั่นคง ดำเนินกิจการอย่างมีจรรยาบรรณ จริงใจและมีความน่าเชื่อถือ สร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้แก่ผู้บริโภค โดยบริษัทฯ มีความตั้งใจที่จะส่งเสริมความเป็นอยู่ที่ดีอย่างยั่งยืนของสังคมไทยด้วยการให้ความคล่องตัวทางการเงินอย่างมีความรับผิดชอบ

ปัจจุบันบริษัทฯ มีสาขาจำนวนทั้งสิ้น 9 สาขา ครอบคลุมเกือบทุกภาคของประเทศ โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี กลุ่มลูกค้าหลักคือกลุ่มลูกค้าบุคคลที่ใช้รถบรรทุกเชิงพาณิชย์ ขณะที่บริษัทฯ มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 10-15% ของตลาดรถบรรทุกที่มีอายุมากกว่า 15 ปี

นายพิทักษ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า ภายหลังจากเข้าลงทุนใน ไพศาล แคปปิตอล ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีธุรกิจในเครือรวมกันเป็น 8 ธุรกิจ ถือว่าครบวงจรมากขึ้น โดยนอกเหนือจากดีลนี้บริษัทยังอยู่ระหว่างศึกษาเข้าลงทุนในธุรกิจพลังงานทางเลือกเพิ่มเติม จากก่อนหน้านี้ได้เข้าไปลงทุนในโรงไฟฟ้าขยะไปแล้ว

ปี 67 บริษัทคาดว่ายอดขายน้ำมันจะเติบโตราว 10-12% ต่อเนื่องจากปีก่อน ตามความต้องการใช้น้ำมัน และการขยายสถานีบริการน้ำมัน PTG ที่เพิ่มขึ้น โดยวางงบลงทุนรวมไว้ที่ 5-6 พันล้านบาท แบ่งเป็นใช้ในการขยายสถานีบริการน้ำมันฯ จำนวน 1,500 ล้านบาท ใช้ในธุรกิจ Non-oil ประกอบด้วย ร้านกาแฟพันธุ์ไทย จำนวน 1,500-2,000 ล้านบาท, ซื้อหุ้นเพิ่มทุน ไพศาล แคปปิตอล จำนวน 825 ล้านบาท และที่เหลือใช้ลงทุนในดีลใหม่ๆ โดยมองว่าสัดส่วนกำไรของธุรกิจ Non-Oil ในปีนี้จะขยับขึ้นเป็น 25% จากปี 66 อยู่ที่ 20-21%

ส่วนค่าการตลาดปี 67 คาดจะอยู่ที่ระดับ 1.70-1.80 บาทต่อลิตรใกล้เคียงปี 66


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ