KKP ฟันธง SET แตะ 1,600 แจกโผ 9 หุ้นเด่น ADVANC-PTTEP-PTTGC-TOP-CPN-BCH-SPALI-SCB-TTB

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 22, 2024 18:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายฐิติเทพ นพเกตุ หัวหน้าฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.เกียรตินาคินภัทร ให้เป้าหมายดัชนี SET ในสิ้นปี 67 อยู่ที่ 1,600 จุด แม้ว่าปัจจุบันตลาดหุ้นไทยยังคงมีความผันผวน จากความท้าทายของเศรษฐกิจโลก เศรษฐกิจไทย นโยบายการเงินของธนาคารกลางต่างๆในโลก และความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ ทำให้การลงทุนปีนี้ยังเผชิญความท้าทาย แต่มองว่ายังมีหุ้นเด่นปีมังกร 6 กลุ่มที่นักลงทุนสามารถจับจังหวะเข้าลงทุนได้ ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร กลุ่มพลังงาน กลุ่มค้าปลีก กลุ่มธนาคาร กลุ่มเฮลธ์แคร์ และกลุ่มอสังหาริมทรัพย์

*สื่อสารยก ADVANC รับประโยชน์ควบรวม

กลุ่มสื่อสารถือเป็นหุ้นกลุ่มที่ยังมีความน่าสนใจ และรับประโยชน์จากการควบรวมกิจการ ประกอบกับ อุตสากรรมสื่อสารในประเทศไทยได้ผ่านยุคมืดในปี 63-65 ไปแล้ว ซึ่งจะเริ่มเห็นการขยับราคาค่าบริการขึ้น การบริหารจัดการต้นทุนดีขึ้น และจำนวนคู่แข่งในตลาดลดลง

โดยเฉพาะ ADVANC ที่เป็นหุ้น Top picks ในกลุ่ม มีความแข็งแกร่งด้านฐานะการเงิน กำไรต่อเนื่อง และเงินปันผลที่ดี ประกอบกับได้รับประโยชน์จากการควบรวม 3BB เข้ามา ทำให้สามารถขยายฐานลูกค้าในกลุ่มของเน็ตบ้านได้เพิ่มขึ้น ประกอบกับการที่เริ่มเห็นการใช้งบการตลาดที่ลดลง ทำให้ค่าใช้จ่ายของ ADVANC ลดลง ช่วยหนุนต่อการเติบโตของกำไร

อีกทั้งยังมีโอกาสในการลุ้นการมูลคลื่นความถี่ 2100 MHz ในปี 68 ซึ่งหากประมูลได้จะทำให้ต้นทุนการใช้คลื่นของ ADVANC ลดลง จากปัจจุบันที่เช่าใช้สัญญาณจาก NT ปีละกว่า 4 พันล้านบาท ทำให้ ADVANC ยังมีความโดดเด่น และให้ราคาเป้าหมายไว้ที่ 275 บาท/หุ้น

*เชียร์ PTTEP, PTTGC, TOP เด่นสุด

นายคมสัน สุขสำราญ นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มพลังงาน บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า หุ้นกลุ่มพลังงานยังมีความน่าสนใจจากราคาน้ำมันดิบยังทรงตัวสูง ประเมินราคาน้ำมันดิบ Brent ปีนี้ 80 ดอลาร์สหรัฐ/บาร์เรล และค่าการกลั่นยังสูง 6.4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล เป็นปัจจัยหนุนผลการดำเนินงาน โดยเฉพาะกลุ่มพลังงานต้นน้ำ คือ PTTEP ที่เป็น Top picks ราคาเป้าหมาย 192.50 บาท/หุ้น และหุ้นโรงกลั่น คือ TOP ราคาเป้าหมาย 70.90 บาท/หุ้น

ส่วนหุ้นกลุ่มปิโตรเคมีต้องเลือกรายตัวที่มีการกระจายของผลิตภัณฑ์ พร้อมทั้งดูราคาหุ้นและผลตอบแทนจากเงินปันผล เลือก PTTGC เป็น Top picks เนื่องจากราคาหุ้นลงไปมากแล้ว และคาดหวังผลตอบแทนจากเงินปันผลสูง ประกอบกับการกระจายของผลิตภัณฑ์ปิโครเคมีมีความหลากหลายกว่า SCC ที่กระจุกตัวอยู่ใน PP ซึ่งได้รับแรงกดดันจากราคาขายที่ลดลง ทำให้ PTTGC มีความน่าสนใจ และให้ราคาเป้าหมายที่ 49.70 บาท/หุ้น

*CPN แรงไม่ตก รายได้เข้าสม่ำเสมอ

นายศิริชัย โฉลกพันธ์รัตน์ นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มค้าปลีก บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า หุ้นกลุ่มค้าปลีกแม้ว่าจะเผชิญกับความท้าทายของเศรษฐกิจ กำลังซื้อที่อ่อนแรง และความไม่แน่นอนของจำนวนนักท่องเที่ยว ผลการดำเนินงานของกลุ่มยังออกมาได้แย่กว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์มาก แต่มองว่าหุ้นในกลุ่มค้าปลีก เป็นทางเลือกลงทุนที่ดีท่ามกลางความท้าทาย เน้นไปที่หุ้นที่จะมีรายได้เข้ามาอย่างสม่ำเสมอ คือ CPN ซึ่งเป็นผู้พัฒนาศูนย์การค้าเป็นธุรกิจหลัก มีรายได้ค่าเช่าเป็นรายได้ประจำเข้ามาชดเชยการเติบโตของการบริโภคในประเทศที่ยังไม่สูงมาก

อีกทั้งยังมีการลงทุนเปิดศูนย์การค้าใหม่ๆ ต่อเนื่อง ทำให้มีพื้นที่เช่าเพิ่มขึ้น ประกอบกับพื้นที่เช่าที่เป็นอาหารและเครื่องดื่มที่เติบโตได้สูงหลังโควิด-19 เป็นปัจจัยหนุนให้ CPN ได้รับรายได้จากส่วนแบ่งยอดขายเพิ่มขึ้น และในปี 67 จะเป็นปีที่ต้นทุนที่กดดันผลการดำเนินงานของ CPN ในปี 66 คลี่คลายลงไป คือ ต้นทุนค่าไฟ เชื่อว่าผลการดำเนินงานจะเติบโตได้ค่อนข้างดี ให้ราคาเป้าหมาย 85 บาท/หุ้น

*เก็ง SCB แจกปันผลสูง 7% ส่วน TTB ก็ไม่เบา

นายเบย์ ตันติศรีสุข นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มธนาคาร บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า ในปี 67 หุ้นกลุ่มธนาคารยังคงมีความท้าทายเช่นเดียวกัน จากทิศทางของสินเชื่อที่ดูเหมือนจะอ่อนแอตามภาวะเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัวดีขึ้นชัดเจน ธนาคารยังคงระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเอสเอ็มอี เพื่อควบคุมคุณภาพสินทรัพย์ในอยู่ในระดับเหมาะสม ซึ่งยังมีแนวโน้มที่อ่อนตัวลง หากเศรษฐกิจในปี 67 แย่กว่าคาด และส่วนต่างรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) ที่จะลดลงจากดอกเบี้ยนโยบายที่ผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว ซึ่งทำให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มธนาคารอาจจะไม่ได้โดดเด่นมากเหมืงนปีก่อน

แต่สามารถมองหาหุ้นในกลุ่มที่ธนาคารที่ให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดีในการลงทุนได้ ได้แก่ SCB ผลตอบแทนจากเงินปันผลสูงที่สุดในกลุ่มแบงก์ใหญ่ที่ 7% ต่อปี จากการที่มีเงินกองทุนอยู่ไนระดับที่สูง ทำให้สามารถจ่ายปันผลได้สูงตามไปด้วย และความแข็งแกร่งของฐานะการเงินที่ดีต่อเนื่อง ให้ราคาเป้าหมายที่ 128 บาท/หุ้น

และ TTB เป็นอีกตัวให้ผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ดี แนวโน้มกำไรต่อหุ้นสูงขึ้น จากการเลิกกิจการของธนาคารธนชาต ทำให้ไม่ต้องจ่ายภาษีนิติบุคคล ส่งผลต่อค่าใช้จ่ายของ TTB ลดลง หนุนกำไร และในระยะกลางผู้บริหาร TTB คาดหวังจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้ 50-60% ของกำไรสุทธิ สอดคล้องกับการเติบโตของสินเชื่อที่ 3-5% และไม่กระทบต่อเงินกองทุน โดยให้ราคาเป้าหมาย 1.90 บาท/หุ้น

*BCH เด่นสุดกลุ่มเฮลธ์แคร์

นายชาตรี แพรวพรายกุล นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มเฮลธ์แคร์ บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า หุ้นในกลุ่มเฮลท์แคร์เติบโตขึ้นทั้งจากกลุ่มลูกค้าในและต่างประเทศ ให้ BCH โดดเด่น แม้ว่าราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นไประดับหนึ่งแล้ว แต่มองว่ารายได้ยังจะเติบโตได้เกือบ 30% จากการขยายฐานกลุ่มลูกค้าในประเทศได้เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าประกันสังคม ซึ่งเป็นปัจจัยหลักที่หนุนผลการดำเนินงานของ BCH ที่โดดเด่นกว่าเครือโรงพยาบาลอื่น โดยให้ราคาเป้าหมายที่ 25 บาท/หุ้น

*SPALI โตสวนภาพรวมอสังหาฯ

นางสาวนฤมล เอกสมุทร นักวิเคราะห์หุ้นกลุ่มขนาดกลางและขนาดเล็ก บล.เกียรตินาคินภัทร กล่าวว่า หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เป็นหุ้นอีกหนึ่งกลุ่มที่มีความท้าทายมากขึ้นในปี 67 จากดีมานด์ของการซื้อที่อยู่อาศัยอาจลดลงตามกำลังซื้ออ่อนตัว หนี้สินครัวเรือนต่อจีดีพีที่สูงถึง 90% การที่สังคมไทยเข้าสู่ส่งคมสูงอายุมากขึ้น ธนาคารยังคงเข้มงวดในการพิจารณาให้สินเชื่อ กระทบต่อการตัดสินใจซื้อ

และในด้านของผู้ประกอบการเองก็เผชิญความท้าทายในด้านของการหาแหล่งเงินทุน มีความเสี่ยงการ Refinnacing หุ้นกู้ที่จะครบกำหนด จากตลาดหุ้นกู้ที่นักลงทุนยังขาดความเชื่อมั่น ในปี 67 จะมีหุ้นกู้กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ครบกำหนดชำระคืนราว 2 แสนล้านบาท ซึ่งเป็นปัจจัยที่ผู้ประกอบการจำเป็นต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ลงทุน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลทำให้แผนการเปิดโครงการใหม่ ๆ ในปีนี้อาจจะลดลง แต่จะส่งผลดีต่อผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีฐานการเงินแข็งแกร่งจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาด (Market share) ได้ และชิงยอดขายเพิ่มขึ้น

SPALI เป็นหุ้นมีความโดดเด่น จากฐานะการเงินแข็งแกร่ง และแนวโน้มยอดขายคาดว่าจะเติบโตสูงที่สุดใน Top 10 คาดว่าจะทำยอดขายปี 67 เติบโต 12% สูงกว่าอสังหารายใหญ่ในตลาดที่เฉลี่ยเติบโต 5% จากกลยุทธ์การขยายโครงการในเซ็กเม้นต์ต่างๆกระจายตัว และการขยายในตลาดภูมิภาคที่ทำยอดขายได้ดี ประกอบกับยังมีมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ที่จะเข้ามารับรู้รายได้ในปี 67 ต่อเนื่อง ประเมินว่าจะมีกำไรเติบโตสูงถึง 15% ในปี 67 สูงที่สุดในกลุ่ม Top 5 อีกทั้งให้ปันผลสูง 7.5% ต่อปี และมี P/E เพียง 5.7 เท่า จึงเป็นหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่เป็น Top picks และให้ราคาเป้าหมาย 25 บาท/หุ้น


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ