CGS TH วางเป้าขึ้นโบรก Top 5 ในไทย พร้อมปักหมุดเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือสองภูมิภาค

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday May 9, 2024 16:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

CGS TH วางเป้าขึ้นโบรก Top 5 ในไทย พร้อมปักหมุดเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือสองภูมิภาค

นางแครอล ฟง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม บล.ซีจีเอส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) หรือ CGS TH เปิดแผนธุรกิจและกลยุทธ์กับก้าวใหม่ในตลาดทุนไทย เดินหน้ารุกธุรกิจวาณิชธนกิจ กองทุนส่วนบุคคล หุ้นกู้อนุพันธ์ และบริการซื้อขายหุ้นต่างประเทศ พร้อมชูบทบาทผู้ถือหุ้นใหญ่เป็นสะพานเชื่อมความร่วมมือระหว่างสองภูมิภาค

CGSI พร้อมที่เดินตามวิสัยทัศน์เพื่อเป็นศูนย์กลางการลงทุนระดับโลกของเอเชีย ซึ่งในปี 65 กลุ่ม CGSI ได้กำหนดแผนธุรกิจเชิงกลยุทธ์ เพื่อนำกลุ่มบริษัทไปสู่ธุรกิจที่มีความหลากหลายและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยในปีที่ผ่านมากลุ่ม CGSI บรรลุข้อตกลงสำหรับดีลวาณิชธนกิจมากกว่า 40 รายการในสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย ซึ่งในจำนวนนี้เป็นดีลของทีมงานประเทศไทยถึง 34 รายการ ความสำเร็จเหล่านี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งของความมุ่งมั่นที่กลุ่ม CGSI มอบบริการที่มีคุณค่าให้กับลูกค้า

CGS TH วางเป้าขึ้นโบรก Top 5 ในไทย พร้อมปักหมุดเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือสองภูมิภาค

ขณะนี้กลุ่ม CGSI มีใบอนุญาตธุรกิจวาณิชธนกิจในมาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์และไทย รวมถึงมีใบอนุญาตการจัดการสินทรัพย์ในสิงคโปร์ มาเลเซีย และไทย

กลุ่ม CGS International มีกลุ่ม China Galaxy Securities (CGS) เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่โดย CGS International เป็นกลุ่มธุรกิจที่มีมาตรฐานการให้บริการทางการเงินที่ความน่าเชื่อถือ และเป็นผู้ให้บริการทางการเงินชั้นนำในเอเชียมากว่า 45 ปี และ CGS TH ได้อยู่เคียงข้าง CGS International มาตลอดเส้นทางการลงทุนของลูกค้าเป็นเวลาเกือบ 25 ปี

นายพัชระนนท์ ชีวเกรียงไกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CGS TH กล่าวว่า บริษัทพร้อมเดินหน้าเชิงรุกขยายธุรกิจในตลาดทุนไทย ไปพร้อมกับผู้ถือหุ้นใหญ่คือ China Galaxy Securities ซึ่งนอกจากบริษัทแม่จะช่วยสนับสนุนความแข็งแกร่งให้ CGS TH สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนมากขึ้นแล้ว บริษัทแม่ยังมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความร่วมมือระหว่างจีนกับอาเซียนด้วย

CGS TH วางเป้าขึ้นโบรก Top 5 ในไทย พร้อมปักหมุดเป็นสะพานเชื่อมโยงความร่วมมือสองภูมิภาค

ทั้งนี้ China Galaxy Securities เป็นของรัฐบาลจีน และเป็นโบรกเกอร์รายใหญ่อันดับ 2 ของสาธารณรัฐประชาชนจีน มีสาขากว่า 500 สาขาทั่วประเทศ

นายพัชระนนท์ กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าขึ้นเป็นโบรกเกอร์รายใหญ่ Top 5 ของไทย จากปัจจุบันมีมาร์เก็ตแชร์อยู่ราว 4.1% YTD อยู่อันดับที่ 8 ในตลาด โดยมุ่งเน้นขยายกลุ่มลูกค้าสถาบันเป็นปัจจัยหลักในการขับเคลื่อนมาร์เก็ตแชร์

โดยสัดส่วนลูกค้าปัจจุบันของบริษัทเป็นรายย่อย 65% และลูกค้าสถาบัน 35% เมื่อมาร์เก็ตแชร์เพิ่มมากขึ้นคาดว่าสัดส่วนของตัวสถาบันอาจเพิ่มมากกว่า 35% ทั้งนี้ด้วยการซื้อขายปัจจุบันกว่า 40% มาจากโปรแกรมเทรดกดดันการลงทุนของนักลงทุนรายย่อย ดังนั้นจากร่วมมือกับบริษัทแม่เชื่อว่านักลงทุนสถาบันจะเป็นส่วนสำคัญที่จะเข้ามาเติมมาร์เก็ตแชร์ ซึ่งปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการดำเนินการเปิดบัญชีกับนักลงทุนสถาบัน 2-3 ราย

ขณะที่พฤติกรรมการลงทุนของนักลงทุนในปัจจุบันมีความสนใจลงทุนในตลาดต่างประเทศมากขึ้น โดยเฉพาะในตลาดสหรัฐ จีนและฮ่องกง แต่การเข้าถึงข้อมูลการลงทุนสหรัฐง่ายเมื่อเทียบกับตลาดจีนและฮ่องกง ซึ่งปัจจุบันบริษัทได้นำเสนอข้อมูลการลงทุนในตลาดจีนกับลูกค้าอยู่ต่อเนื่อง และยังมีโอกาสเติบโตอีกมากจากพฤติกรรมของนักลงทุนปัจจุบันที่มุ่งเน้นลงทุนตลาดต่างประเทศ

แผนการดำเนินธุรกิจในปี 67 บริษัทยังคงมุ่งเน้นการให้บริการด้านธุรกิจวาณิชธนกิจ (IB) , ธุรกิจกองทุนส่วนบุคคล (Private Fund), หุ้นกู้อนุพันธ์ (Structure note) และบริการการซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ พร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีการลงทุนที่ทันสมัย ตอบโจทย์ความต้องการของนักลงทุน เพื่อสร้างการเติบโต อย่างมั่นคง ตอกย้ำความเป็นบริษัทหลักทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย

ในปีนี้บริษัทตั้งเป้ามีดีลลูกค้าที่จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ประชาชนทั่วไป (IPO) เพื่อเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) ไม่น้อยกว่า 10 บริษัท ส่วนธุรกิจบริการซื้อขายหุ้นในต่างประเทศ จากความพร้อมด้านเทคโนโลยีและนักวิเคราะห์ผู้เชี่ยวชาญของกลุ่ม CGSI จะช่วยเพิ่มโอกาสและความสำเร็จให้ลูกค้าที่ใช้บริการซื้อขายหุ้นในต่างประเทศได้เป็นอย่างดี ขณะที่กลุ่ม CGSI มีทีมนักวิเคราะห์จำนวนมากและสร้างผลงาดดเด่น

นายพัชระนันท์ กล่าวว่า โอกาสในการให้บริการธุรกิจ IB ปัจจุบันนักลงทุนจีนมีความสนใจเข้ามาร่วมลงทุนกับธุรกิจในไทยหลายราย โดยกลุ่มที่ได้รับความสนใจมาก คือ Healthcare ปัจจุบันมีธุรกิจจีนที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในไทยมากกว่า 5 ปี ผลประกอบการมากกว่า 500 ล้านบาทและมีโอกาสจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นโอกาสที่บริษัทจะเข้าไปให้บริการกับกลุ่มธุรกิจจีนในไทย ทั้งนี้บริษัทกำลังจะมีโครงการที่เป็น One Stop Service Provider ให้กับผู้ประกอบการจีนคาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ