MDX คาดรายได้ใกล้ปีก่อน/ได้ผู้ร่วมทุนโรงไฟฟ้าท่าซาง-ศึกษาพลังงานทดแทน

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 27, 2008 14:45 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          บมจ.เอ็ม ดี เอ็กซ์(MDX) คาดปี 51 รายได้รวมใกล้เคียงปีก่อนที่มีรายได้ 739 ล้านบาท จากรายได้หลักธุรกิจไฟฟ้าน้ำเทินหินบุนและโรงไฟฟ้าบางบ่อ รวมทั้งยอดขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ ซิตี้ น่าจะทำได้ตามเป้า 50 ไร่ เพื่อผลักดันให้ปีนี้มีกำไรสุทธิ พร้อมเปิดรับพันธมิตรร่วมทุนโครงการโรงไฟฟ้าเพิ่มอีก เผยโครงการท่าซางในพม่าได้ผู้ร่วมทุนแล้ว เตรียมเดินหน้างานตามแผน ขอตามกระแสศึกษาลู่ทางพลังงานทดแทน 
แหล่งข่าวระดับสูงจาก MDX เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า ธุรกิจไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลักน่าจะทำรายได้ในแต่ละไตรมาสใกล้เคียงกัน เนื่องจากยังไม่มีโครงการใหม่เข้ามาเพิ่ม โดยจะมียอดขายประมาณไตรมาสละ 150 กว่าล้านบาท ส่วนยอดขายที่ดินไตรมาส 1/51 ขายไปแล้ว 10-20 ไร่ เชื่อว่าเป้าหมาย 50 ไร่ก็ไม่น่าจะยาก ซึ่งสูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกว่า 40 ไร่
"ปีนี้ตามแผนฟื้นฟูฯตั้งเป้าขายที่ดิน 50 ไร่ ส่วนใหญ่เราก็จะ conservative ไว้ก่อน จากปี 50 ที่ขายได้ประมาณ 40 ไร่ แต่รายได้รวมจะไม่หนีตัวเลขนี้คือขายที่ดิน 50 ไร่ก็รับรู้รายได้เข้ามาตามสัดส่วน"แหล่งข่าว กล่าว
สำหรับยอดขายที่ดินในไตรมาส 2/51 ยังรอตัวเลขจากฝ่ายการตลาด ขณะนี้ก็ยังมีติดต่อขอซื้อที่ดินเข้ามาเรื่อยๆ เป็นปกติ แต่ยังไม่ได้มีลูกค้ารายใหญ่ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าการขายที่ดินคงต้องเป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศด้วย หากภาวะของประเทศมีปัญหาก็ต้องได้รับผลกระทบ ส่วนจะมากจะน้อยก็ขึ้นอยู่แต่ละแห่ง
"ถามว่ามีผลกระทบมั้ยก็คงต้องมีแน่นอน แต่ทั้งปีเราก็พยายามจะให้ได้ขั้นต่ำ อย่างน้อยก็ได้ตามแผน ช่วงที่เหลือของปีก็พยายามเร่งการขายอยู่ แต่การขายที่ดินบางครั้งก็ต้องยอมรับว่ากำหนดแน่นอนไม่ได้ว่าจะต้องขายในไตรมาสนี้ได้เท่าไร อยู่ที่การตัดสินของลูกค้า และอยู่ที่ปัจจัยหลายอย่างด้วย"แหล่งข่าว กล่าว
MDX รายงานว่าไตรมาส 1/51 มีกำไรสุทธิ 87.10 ล้านบาท เติบโต 74% yoy และ 68% qoq แต่ส่วนหนึ่งมาจากหนี้สงสัยจะสูญโอนกลับถึง 74.92 ล้านบาท แต่กำไรจากการดำเนินงานก็เป็นไปตามภาวะโดยรวม กำไรจากการดำเนินงานปกติจะอยู่ที่ประมาณ 17 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจไฟฟ้าที่คงที่ 158.38 ล้านบาท เพิ่มจาก 118.54 ล้านบาท ในไตรมาส 1/50
แหล่งข่าว กล่าวว่า ไตรมาส 2/51 กำไรจากการดำเนินจะมากกว่าไตรมาส 1/51 หรือไม่ก็อยู่ที่การขายที่ดินถ้าขายที่ดินได้มากกำไรส่วนนี้ก็คงเพิ่มขึ้น ซึ่งขณะนี้ตัวเลขยังไม่ออก แต่ทั้งปีจะพยายามทำให้งบฯเป็นกำไรสุทธิได้
"ถ้าขายที่ดินได้มาก กำไรก็ตามสัดส่วน เพราะรายได้จากธุรกิจไฟฟ้าก็มีเข้ามาตลอด ก็อยู่ที่ว่าถ้างวดนี้เราขายที่ดินได้มาก เราก็กำไรเพิ่มขึ้น แต่บางครั้งในธุรกิจที่หลีกหนีปัจจัยภายนอกไม่ได้ก็ต้องยอมรับสภาพ ส่วนจะปรับเป้ายอดขายที่ดินหรือไม่ ไม่ปรับ คงยังยืนยันเพราะเป้านั้นก็เป็นขั้นต่ำที่เราอยากจะทำให้ได้ ต้องพยายามทำให้ดีที่สุดก่อน"
*เผยได้ผู้ร่วมทุนโรงไฟฟ้าท่าซางในพม่าแล้ว ยังเปิดรับพันธมิตรโครงการอื่น
แหล่งข่าว กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทได้ผู้ร่วมทุนในโครงการโรงไฟฟ้าท่าซางในประเทศพม่าแล้ว ซึ่งโครงการดังกล่าวอยู่ในช่วงการเจรจาเพื่อเซ็นสัญญาก่อสร้างตามที่กำหนดไว้ในแผนงาน ส่วนที่พม่าเจอพายุนาร์กีสไม่ได้มีผลกระทบต่อโครงการดังกล่าว และยังเดินหน้าต่อไป ซึ่งอีกประมาณ 4-5 ปีกว่าจะเห็นโครงการ จึงยังกำหนดไม่ได้ว่าจะเริ่มรับรู้รายได้เมื่อใดเพราะเป็นโครงการระยะยาว
อนึ่ง โครงการท่าซาง เป็นเขื่อนผลิตกระแสไฟฟ้าขนาด 7,110 เมกกะวัตต์ ซึ่งตั้งอยู่บนแม่น้ำสาละวินตอนกลาง MDX ได้ตั้งบริษัท เอ็ม ดี เอ็กซ์ กรุ๊ป จำกัด ขึ้นมาเพื่อดูแลโครงการนี้โดยถือหุ้นจำนวน 97%
ขณะที่โครงการเทินหินบูนส่วนต่อขยาย ขณะนี้อยู่ระหว่างขยายกำลังการผลิตจาก 210 เมกะวัตต์ เป็น 500 เมกะวัตต์ แต่คงยังไม่เสร็จในปีนี้ เนื่องจากต้องมีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าส่วนต่อขยายเพิ่มเติม พร้อมทั้งเพิ่มเครื่องจักร คาดว่าต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปี จึงจะสร้างรายได้เพิ่มเข้ามา
แหล่งข่าว กล่าวว่า โครงการธุรกิจไฟฟ้าของบริษัทเป็นโครงการระยะยาวทุกโครงการ ไม่มีโครงการไหนที่จะสร้างเสร็จในปีเดียว กว่าจะเริ่มดำเนินการและยิ่งเป็นพลังงานน้ำต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างมาก ซึ่งทุกโครงการยังเปิดรับพันธมิตรมาร่วมลงทุน โดยเฉพาะในโครงการขนาดใหญ่มาก ลำพังเราคนเดียวอาจจะไม่เพียงพอก็จำเป็นต้องหาผู้ร่วมทุนเข้ามาเพื่อที่จะมาร่วมงานเป็นโครงการ ๆ ไป
"พันธมิตรขึ้นอยู่กับโปรเจ็คต์มากกว่า ตอบยาก แต่ส่วนใหญ่โปรเจ็คโรงไฟฟ้าก็มักจะต้องมีผู้ร่วมทุนเข้ามา เพราะเป็นโปรเจ็คต์ใหญ่" แหล่งข่าว กล่าว
*เดินหน้าแผนล้างขาดทุนสะสม 4 พันลบ. เล็งศึกษาธุรกิจพลังงานทดแทน
แหล่งข่าว กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีภาระขาดทุนสะสมอยู่ประมาณ 4,000 กว่าล้านบาทถือว่าสูงมาก ซึ่งอยู่ภายใต้แผนงานที่จะแก้ไขปัญหาขาดทุนสะสมดังกล่าวที่ดำเนินการมาตั้งแต่เริ่มฟื้นฟูกิจการ แต่จะล้างขาดทุนทั้งหมดได้เมื่อใด ยังไม่สามารถประเมินได้ แต่ในแง่ของบริษัทก็พยายามสร้างผลกำไรมาดำเนินการให้เร็วที่สุด
ส่วนราคาน้ำมันที่ปรับสูงขึ้น ไม่ได้กระทบโดยตรงต่อตัวธุรกิจของบริษัท เพราะโรงไฟฟ้าไม่ได้ใช้น้ำมัน แต่ผลกระทบในด้านอื่นๆ ทางอ้อมๆ ขณะที่บริษัทกำลังศึกษาพลังงานทดแทนอยู่ เพราะอยู่ในธุรกิจนี้ก็ต้องตามตลาด แต่อาจจะไม่ได้มีอะไรที่เป็นรูปธรรมที่จะแจ้งให้ทราบได้ ต้องติดตามกระแสและดูไปเรื่อยๆ ว่าอะไรที่จะเป็นธุรกิจให้เราได้ในอนาคต ซึ่งเราก็ไม่ปิดโอกาสตัวเอง
"ราคาหุ้นเป็นไปตามกลไกตลาด เพราะบริษัทก็ไม่ได้ทำอะไรซึ่งช่วงที่ผ่านมาราคาหุ้นปรับลงก็เป็นไปตามตลาด เพราะดู trend แล้วก็ไม่ค่อยหนีตลาดเท่าไรไม่ได้ยุ่งเกี่ยวแค่ดูอยู่ห่างๆ" แหล่งข่าว กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ