กบข. อาจชะลอลงทุนตราสารทุนตปท.H2/51 หวั่นซับไพร์ม-น้ำมัน-เงินเฟ้อกระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday August 21, 2008 12:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายวิสิฐ ตันติสุนทร เลขาธิการคณะกรรมการ กบข. เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลัง กบข. อาจมีการชะลอการลงทุนในสินทรัพย์บางประเภทออกไปก่อน โดยเฉพาะตราสารทุนต่างประเทศ เพื่อหลีกเลี่ยงความผันผวนที่เกิดขึ้นในตลาดโลกขณะนี้ แต่จะเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความมั่นคงสูง ทั้งตราสารหนี้และเงินสด หากแนวโน้มทิศทางของอัตราดอกเบี้ยหยุดการปรับตัวขึ้นก็จะเพิ่มอายุเฉลี่ยของการลงทุนในตราสารหนี้ให้ยาวขึ้น โดยจะได้มีการติดตามสถานการณ์ตลาดการเงินทั้งในประเทศและต่างประเทศอย่างใกล้ชิด 
นอกจากนี้ หากสถานการณ์ในตลาดหุ้นโลกโดยรวมชัดเจนขึ้น ก็จะเริ่มทยอยกระจายการลงทุนไปยังสินทรัพย์ประเภทใหม่ๆ ได้แก่ นิติบุคคลเอกชนต่างประเทศ และอสังหาริมทรัพย์ต่างประเทศ ตามการจัดสรรการลงทุนระยะยาวเพื่อให้ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอ
นายวิสิฐ กล่าวว่า ผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีแรกของ กบข. ปรับตัวลดลง เนื่องจากตลาดตราสารทุนและตลาดตราสารหนี้ทั่วโลกมีความผันผวนตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา จากปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพในสหรัฐ (ซับไพรม์) ประกอบกับราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มขึ้นในระดับสูง ส่งผลให้เกิดปัญหาเงินเฟ้อทั่วโลก และเป็นแรงกดดันต่อเศรษฐกิจโลกทำให้ตราสารทุนทั่วโลก รวมถึงตลาดตราสารทุนไทยต่างได้รับผลกระทบ
สำหรับผลการดำเนินงานของ กบข. ณ สิ้นเดือนมิ.ย.51 กบข.มีสินทรัพย์สุทธิทั้งสิ้น 376,286.32 ล้านบาท โดยอัตราผลตอบแทนการลงทุนย้อนหลัง 12 เดือน (ก.ค.50 — มิ.ย.51) ให้ผลตอบแทนติดลบร้อยละ 0.70
ในขณะที่ผลตอบแทนสุทธิย้อนหลัง 3 ปี (48-50) อยู่ที่ร้อยละ 6.47 ย้อนหลัง 5 ปี ( 46-50 ) อยู่ที่ร้อยละ 6.61 และย้อนหลังตั้งแต่เริ่มก่อตั้งกองทุน (40-50) อยู่ที่ร้อยละ 8.24
ทั้งนี้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 51 กบข.มีสัดส่วนการลงทุนในตราสารหนี้ในประเทศ ร้อยละ 69.70 ตราสารทุนในประเทศร้อยละ10.27 ตราสารหนี้ต่างประเทศร้อยละ 4.08 ตราสารทุนต่างประเทศร้อยละ 8.36 อสังหาริมทรัพย์ร้อยละ 3.88 และการลงทุนทางเลือกร้อยละ 3.71
"ผลตอบแทนในช่วงครึ่งปีแรกของ กบข. ที่ปรับตัวลดลง ถือเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับนักลงทุนสถาบันทั่วโลกทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่ต่างประสบปัญหาเช่นเดียวกัน...การปรับตัวขึ้นสูงของเงินเฟ้อนั้นยังกระทบต่อตราสารหนี้ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่ปกติ ที่เหตุการณ์ทั้งสองเกิดขึ้นพร้อมกัน"นายวิสิฐ กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าแนวโน้มในครึ่งปีหลังของปีนี้ ผลการดำเนินงานน่าจะฟื้นตัวดีขึ้น เนื่องจากกบข. กำหนดกรอบและกลยุทธ์การลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ดีในระยะยาว โดยผลตอบแทนในระยะสั้นอาจผันผวนขึ้น-ลงตามภาวะเศรษฐกิจและตลาดเงินตลาดทุนในแต่ละช่วง แต่หากมองในระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนที่ได้รับจะสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและอัตราเงินเฟ้อโดยเฉลี่ย ซึ่งในปีที่แล้ว กบข.สามารถทำผลตอบแทนได้ร้อยละ 9.22

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ