นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) หรือ ASP เปิดเผยว่า บริษัทจะนำเงินประมาณ 900 ล้านบาท ที่จะได้จากการใช้สิทธิแปลงสภาพวอร์แรนต์ ในช่วง ก.ย.-ต.ค.จำนวน 496 ล้านหน่วย ราคาใช้สิทธิที่ 2 บาทดังกล่าวมาลงทุนซื้อหุ้นบจ.ในตลาดฯ โดยมองหุ้นที่มีการปรับตัวลดลงมาก และหุ้นที่ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง เช่น หุ้นเกี่ยวกับธุรกิจมือถือ และหุ้นที่จ่ายปันผลสูง รวมถึงหุ้นที่มีการลงทุนในต่างประเทศ "สำหรับปัญหาการเมืองถือเป็นจุดที่ต่างฝ่ายต่างต้องถอยคนละก้าว และการแก้ปัญหาด้วยการยุบสภา จะแก้ปัญหาได้จริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่ทุกคนต้องคำนึงถึง"นายก้องเกียรติ กล่าว ส่วนบรรยากาศการลงทุน นักลงทุนในประเทศรู้สึกเคยชินกับปัญหาการเมืองที่เกิดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดแม้จะมีปัญหาม็อบ แต่จะเห็นว่าดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไม่ปรับลดเท่าไหร่ เนื่องจากทุกคนคาดสถานการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้ว และราคาหุ้น ณ ปัจจุบันถือว่าต่ำมาก รวมถึงราคาหุ้นบางตัว ซึ่งเมื่อครั้งเกิดการปฏิวัติ รวมถึงมีมาตราการตั้งสำรอง 30% ราคายังไม่ต่ำขนาดนี้ ดังนั้น หากนักลงทุนที่ลงทุนแบบระยะยาวน่าจะได้ผลตอบแทนที่สูงเมื่อมีข่าวดี และทำให้ตลาดเข้าสู่จุดเปลี่ยน อย่างไรก็ตาม บริษัทเตรียมทบทวนเป้ารายได้ปี 51 ในช่วงครึ่งปีหลัง จากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว และตลาดหุ้นซบเซา "ในช่วงครึ่งปีหลังอยู่ระหว่างการพิจารณาปรับรายได้เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจและภาวะตลาดในปัจจุบัน เนื่องจากที่ผ่านมาตลาดหุ้น ปริมาณการซื้อขายไม่สูงนัก บริษัทต้องแก้ปัญหาโดยการนำหุ้นในพอร์ตออกขาย ซึ่งส่วนใหญ่มีต้นทุนถูกกว่าราคาในปัจจุบันมาก อาทิ หุ้น BBL ซึ่งมีต้นทุนเพียง 79 บาท หรือหุ้น TICON ที่มีต้นทุนเพียง 1 บาท" นายก้องเกียรติ กล่าว อย่างไรก็ตาม พอร์ตการลงทุนรวมของบริษัท 3 พันล้านบาท แบ่งเป็นการลงทุนในหุ้นประมาณ 1 พันล้านบาท ลงทุนในตราสารอื่นๆ ประมาณ 1 พันล้านบาท และที่เหลือเป็นการฝากธนาคารและซื้อพันธบัตร "การลงทุนต้องมีการปรับเปลี่ยนตลอดเวลา เนื่องจากภาวะการลงทุนในต่างประเทศก็ไม่ดี และยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจากปัญหาซับไพร์ม ดังนั้นการลงทุนต้องเป็นไปอย่างระมัดระวัง"นายก้องเกียรติ กล่าว สำหรับช่วงที่ผ่านมา บริษัทมีดีลภายใต้การบริหารจัดการ ทั้งดีล M&A หรือที่ปรึกษาการควบรวมกิจการประมาณ 3-4 ดีล ที่ปรึกษาการกระจายหุ้น (IPO) ประมาณ 8-12 บริษัท ที่ปรึกษาในการออกหุ้น PP และ PO 2-3 บริษัท และเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน 6-8 บริษัท