(เพิ่มเติม) MCOT รับ Q3/51 รายได้ต่ำกว่า Q3/50,ผลักดันอีเว้นท์ใน Q4 ทำรายได้ตามเป้า

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday September 22, 2008 16:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายวสันต์ ภัยหลีกลี้ กรรมการผู้อำนวยการ บมจ.อสมท(MCOT)กล่าวยอมรับว่า ผลประกอบการของบริษัทในช่วงไตรมาส 3/51จะออกมาต่ำกว่าไตรมาส 3/50 เนื่องจากในปีนี้สภาพธุรกิจค่อนข้างซบเซาจากผลกระทบปัญหาด้านการเมือง จึงทำให้การใช้เงินผ่านเอเจนซี่และผ่านสื่อโฆษณาต่าง ๆ ได้รับผลต่อเนื่อง โดยเฉพาะสื่อโทรทัศน์
ทั้งนี้ ตามปกติในเดือนต.ค.ที่ปกติจะต้องมีการปรับขึ้นค่าโฆษณา นายวสันต์ กล่าวว่า สำหรับปีนี้คงจะไม่มีการปรับเพราะภาวะเศรษฐกิจไม่เอื้อให้ปรับขึ้น
อย่างไรก็ตาม MCOT ยังคงเป้าหมายรายได้ปี 51 ที่คาดว่าเติบโต 15-20% จากปีก่อน โดยพยายามผลักดันรายได้ในไตรมาส 4/51 ให้เติบโตขึ้นมาทดแทนช่วงไตรมาส 3/51 เนื่องจากปลายปีเข้าสู่ช่วงไฮซีซั่น และจะพยายามผลักดันให้มีกิจกรรมพิเศษ 3-4 งานทั้งอีเวนท์ รวมทั้งการจัดคอนเสิร์ต และประกวดร้องเพลงในเวทีต่าง ๆ
นายวสันต์ กล่าวว่า การประเมินผลงานในตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ผ่านไปด้วยดี และจะมีการนำเสนอผลการประเมินให้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทพิจารณาในวันที่ 23 ก.ย.นี้ ส่วนการประเมินในช่วง 6 เดือนหลังจะมีการปรับเกณฑ์การประเมินใหม่ แต่ยังไม่มีข้อสรุปในขณะนี้
ส่วนการพิจารณาแก้สัญญากับทางทรู วิชั่นส์ ทาง MCOT ได้นำเสนอรูปแบบสัญญาใหญ่ให้ทางทรู วิชั่นส์ พิจารณาแล้ว คงต้องรอความคืบหน้าที่จะมีการประชุมอีกครั้งในเดือน ต.ค.นี้
ด้านนายเขมทัตต์ พลเดช ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ฝ่ายการตลาด MCOT กล่าวว่า ถึงระยะนี้แม้จะไม่มีการปรับค่าโฆษณา แต่มีการปรับคอนเทนต์ใหม่ ๆ ที่สามารถคิดค่าโฆษณาในอัตราสูงขึ้นจากเดิมได้ โดยมีการนำละครมาลงวันเสาร์ช่วงเวลา 14.00-15.00 น.จากการผลิตของ GTH เรื่อง"เนื้อคู่ประตูถัดไป"โดยมีอัตราค่าโฆษณา 2.8 แสนบาท/นาที สูงกว่ารายการเดิมที่อยู่ที่ระดับแสนกว่าบาท
สำหรับช่วงไตรมาส 3/51 รายได้ต่ำกว่าปีก่อนที่มีรายได้ 600-700 ล้านบาทไม่ได้ เนื่องจากไม่มีรายได้พิเศษอย่างปีก่อนที่มีรายได้จากกีฬามหาวิทยาลัยโลก แต่ช่วงไตรมาส 4/51 จะมีการจัดกิจกรรมคอนเสิร์ต และการจัดประกวดร้องเพลงต่อจากรายการ Superstar และมีอีเว้นท์ตามต่างจังหวัดที่จะช่วยสร้างรายได้ให้บริษัทในช่วงไตรมาส 4/51 ประกอบกับในช่วงไตรมาส 4/51 จะมีรายการข่าวพิเศษ คือ การเลือกตั้งผู้ว่า กทม.และการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ
กรณีการถือหุ้นของทาง"เอไอเอ"นั้นถือหุ้น MCOT ไม่มากนักเมื่อเทียบกับกองทุนจากสิงคโปร์ที่นิยมถือหุ้นในรัฐวิสาหกิจไทย และช่วงที่ผ่านมาก็ไม่พบแรงเทขายของเอไอเอ แต่ราคาหุ้นที่ปรับลดลงเป็นไปตามสภาวะตลาด และการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ แต่เมื่อเทียบกันแล้วราคาหุ้น MCOT ถือว่าปรับลงน้อยกว่าตัวอื่น

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ