ก.ล.ต.สั่งภาคทัณฑ์-เพิกถอนใบอนุญาต มาร์เก็ตติ้ง-อดีตผู้บริหารบล.รวม 3 ราย

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 15, 2008 17:24 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)สั่งเพิกถอนการให้ความเห็นชอบการเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและผู้บริหารของนางสาวปรียานุช อนุวงศ์กุล อดีตเจ้าหน้าที่การตลาดและผู้จัดการสาขา ของบล.นครหลวงไทย(SCIBS) ในความผิดฐานทุจริตต่อทรัพย์สินของลูกค้า

พร้อมกับภาคทัณฑ์นางสาวสนธยา มวลเมี่ยง และนายจตุพร แผ่นคำ ซึ่งสังกัดบริษัทหลักทรัพย์แห่งอื่น เป็นระยะเวลา 1 ปี ในความผิดฐานตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนลูกค้า และส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ในลักษณะที่ไม่เหมาะสม ตามลำดับ

กรณีนางสาวปรียานุชนั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรายงานจาก บล.นครหลวงไทย ได้ตรวจพบการกระทำผิดร้ายแรงของนางสาวปรียานุช ซึ่งขณะที่กระทำผิดมีตำแหน่งเป็นผู้จัดการสาขาและเจ้าหน้าที่การตลาด สาขาภูเก็ต โดย บล.นครหลวงไทยได้ลงโทษนางสาวปรียานุชโดยการไล่ออกแล้ว

สำนักงาน ก.ล.ต.ได้ตรวจสอบหลักฐานและสอบถ้อยคำผู้ที่เกี่ยวข้อง พบว่านางสาวปรียานุชได้รับคำสั่งซื้อหุ้นจากลูกค้าแต่ไม่ได้ส่งคำสั่งเข้าสู่ระบบ และหลอกลวงลูกค้าโดยให้ข้อมูลเท็จว่าระบบการชำระค่าซื้อขายหลักทรัพย์อัตโนมัติ (ATS) ของบริษัทมีปัญหา ขอให้ลูกค้าโอนเงินเข้าบัญชีของตนแทน และยังหลอกอีกว่า การโอนเงินเข้าบัญชีของตนทำให้ลูกค้าที่เปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ประเภทบัญชีเงินสดไม่ต้องวางเงินประกัน 10% ก่อนการซื้อขาย ซึ่งลูกค้าที่หลงเชื่อได้โอนเงินเข้าบัญชีของนางสาวปรียานุช และเมื่อลูกค้าทวงถามหลักฐาน นางสาวปรียานุชจึงได้ทำใบยืนยันการซื้อขายปลอมส่งให้ลูกค้า นอกจากนี้ ยังพบการใช้บัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าเพื่อประโยชน์ของตนเองและบุคคลอื่นอีกด้วย

การกระทำดังกล่าวถือเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานข้อ 11(1) และ(2) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข. 15/2548 เรื่อง การให้ความเห็นชอบผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2548 และเนื่องจากนางสาวปรียานุชได้กระทำความผิดในฐานะเป็นผู้จัดการสาขา โดยได้สั่งการ ให้ผู้ใต้บังคับบัญชาแจ้งข้อมูลเท็จแก่ลูกค้าและจัดทำเอกสารยืนยันการซื้อขายหลักทรัพย์ที่เป็นเท็จ ทำให้ลูกค้า และ บล. นครหลวงไทย ได้รับความเสียหาย

การกระทำดังกล่าวเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ ตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กธ/น/ข. 4/2548 เรื่อง คุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอย่างอื่นของผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ ลงวันที่ 17 มกราคม 2548 ประกอบข้อ 3(10) และ (12) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ กธ/น/ข. 3/2548 เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ ลงวันที่ 17 มกราคม 2548

สำนักงาน ก.ล.ต. จึงพิจารณาว่าการกระทำของนางสาวปรียานุชเป็นความผิดที่ร้ายแรงจนไม่สมควรให้นางสาวปรียานุชเป็นบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์และผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ต่อไปได้ สำนักงาน ก.ล.ต. จึงเพิกถอนการให้ความเห็นชอบเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและการเป็นผู้บริหารของบริษัทหลักทรัพย์ของนางสาวปรียานุชตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2551 เป็นต้นไป

กรณีของนางสาวสนธยานั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ได้ตรวจสอบการกระทำของนางสาวสนธยาตามที่ได้รับรายงานการตรวจสอบจากบริษัทหลักทรัพย์ต้นสังกัดแห่งหนึ่ง พบว่านางสาวสนธยาตัดสินใจซื้อขายหลักทรัพย์แทนลูกค้าโดยพลการ อันเป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานตามข้อ 11(2) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่ สข.15/2548 เรื่อง การให้ความเห็นชอบผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2548 สำนักงาน ก.ล.ต. จึงสั่งภาคทัณฑ์นางสาวสนธยาในการเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2551

ส่วนกรณีของนายจตุพร ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การตลาดของบริษัทหลักทรัพย์แห่งหนึ่งมีการส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ให้ลูกค้าในลักษณะไม่เหมาะสม โดยส่งคำสั่งเสนอซื้อแล้วยกเลิกคำสั่งดังกล่าว และกระทำการลักษณะนี้หลายครั้งซ้ำๆ ในเวลาใกล้กัน โดยมีปริมาณหลักทรัพย์และระดับราคาในคำสั่งแต่ละครั้งเท่ากัน การกระทำดังกล่าวแสดงถึงความต้องการให้ราคาหรือสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ดังกล่าวเปลี่ยนแปลงไปไม่ตรงต่อสภาพปกติของตลาดหลักทรัพย์ (False Market) ซึ่งเป็นการปฏิบัติที่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย

ตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงได้ลงโทษนายจตุพร ส่งผลให้นายจตุพรมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3(11) แห่งประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ/น/ข. 3/2548 เรื่อง ลักษณะต้องห้ามของบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ ลงวันที่ 17 มกราคม 2548 กล่าวคือมีเหตุอันควรเชื่อว่ามีหรือเคยมีพฤติกรรมที่เป็นการขาดจรรยาบรรณหรือมาตรฐานในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งกำหนดโดยหน่วยงานหรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต. จึงสั่งภาคทัณฑ์นายจตุพร เป็นระยะเวลา 1 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 10 ตุลาคม 2551


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ