สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เปิดเผยว่า บมจ.สาลี่คัลเล่อร์ ได้นับ 1 ข้อมูล Filing เมื่อวันที่ 22ตุลาคม 2551 โดยบริษัทฯต้องการจะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่ประชาชนทั่วไป(IPO)จำนวน 30 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 20.65% ของจำนวนหุ้นที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำหุ้นเข้าจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็มเอไอ (MAI) โดยมีบริษัท ฟินเน็กซ์ แอ๊ดไวเซอรี่ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
วัตถุประสงค์ของการระดมทุนในครั้งนี้ เพื่อใช้ในการซื้อเครื่องจักรเพื่อโครงการขยายกำลังการผลิตมาสเตอร์แบตซ์ประเภทสีดำ เนื่องจากบริษัทฯเห็นว่าปริมาณของผลิตภัณฑ์ดังกล่าวที่มีอยู่ในตลาดยังไม่เพียงพอที่จะรองรับความต้องการต่อผลิตภัณฑ์ที่มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่องในปี 2552 และยังนำมาใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน
บมจ.สาลี่คัลเล่อร์ ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งแบบเข้มข้น หรือเม็ดพลาสติกมาสเตอร์แบตซ์ (Masterbatch), เม็ดพลาสติกผสมสีและสารเติมแต่งสำเร็จรูป หรือเม็ดพลาสติกคอมพาวด์(Compound) และสีผสมพลาสติกแบบชนิดผง (Dry Colourants) โดยจำหน่ายให้ผู้ประกอบการแปรรูปผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทต่าง ๆ ซึ่งผู้ประกอบการจะนำผลิตภัณฑ์ของบริษัทไปใช้เป็นส่วนประกอบของวัตถุดิบในการผลิต เพื่อทำให้ผลิตภัณฑ์พลาสติกมีสี คุณลักษณะ และคุณสมบัติตามที่ต้องการ และปัจจุบันบริษัทฯมีโรงงาน 1 แห่งตั้งที่จ.สมุทรปราการ มีกำลังการผลิตรวมประมาณ 17,400 ตัน/ปี
ทั้งนี้ บริษัทฯได้มีการลงทุนใน บริษัท โพลีเมร์ริท เอเชีย จำกัด ในสัดส่วนการถือหุ้น 99.99% โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อขยายกำลังการผลิต
ผลดำเนินงานงวด 6 เดือนแรกของปี 2551 บริษัทฯมีรายได้จากการขาย 263.16 ล้านบาท และยังคงได้รับผลกระทบจากราคาเม็ดพลาสติกที่ปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นเท่ากับร้อยละ 13.35 และอัตรากำไรสุทธิเท่ากับร้อยละ 2.21 ซึ่งต่ำกว่าอัตรากำไรขั้นต้นร้อยละ 14.53 และอัตรากำไรสุทธิร้อยละ 2.78 ของช่วงเวลาเดียวกันในปี 2551
ปัจจุบันบริษัทฯมีทุนจดทะเบียน 145.25 ล้านบาท มีทุนชำระแล้ว 115.25 ล้านบาท ภายหลังเสนอขาย IPO บริษัทฯจะมีทุนชำระแล้ว 145.25 ล้านบาท โดยมีกลุ่มผู้ถือหุ้นประกอบด้วย กลุ่มบริษัท วีไอวี อินเตอร์เคม จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในสัดส่วนการถือหุ้น 38.79%, กลุ่มพนักงานถือหุ้นในสัดส่วน 30.85% และกลุ่มนักลงทุนอื่น ๆ ซึ่งมีนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ถือหุ้นในสัดส่วน 13.23%
บริษัทฯมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิตามงบการเงินเฉพาะของบริษัท หลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล เงินสำรองตามกฎหมาย และเงินสำรองต่าง ๆ ทั้งหมด