สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)นับ 1 ข้อมูล 1 Filing ของ บมจ.เซาท์เทิร์นสตีล เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2551 เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไป (IPO)จำนวน 60 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 30 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ชำระแล้วทั้งหมดภายหลังการเสนอขายในครั้งนี้
บริษัทมีวัตถุประสงค์ในการนำเงินที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้นำไปใช้ลงทุนขยายการดำเนินงานในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์เหล็ก และใช้สำหรับเป็นเงินทุนหมุนเวียน โดยอยู่ในระหว่างขั้นตอนการขออนุมัติจดทะเบียนหุ้นสามัญทั้งหมดเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอ โดยมีบล.แอ๊ดคินซัน เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน
บมจ. เซาท์เทิร์นสตีล และบริษัทย่อย ประกอบธุรกิจโดยผลิตเหล็ก ประเภท เหล็กแผ่น ท่อเหล็ก เหล็กรางรูปตัวซี และลวดตะแกรงเหล็ก ตามขนาดมาตรฐานหรือขนาดที่ลูกค้ากำหนด และดำเนินธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายไปผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณ อื่นๆ ได้แก่ ท่อเหล็กชุบสังกะสี เหล็กฉาก เหล็ก H-Beam เหล็ก I-Beam เหล็กรางน้ำ เหล็กแผ่นลาย เหล็กม้วน และเหล็กเพลาขาว เป็นต้น หรือท่อเหล็ก เหล็กรางรูปตัวซี และลวดตะแกรงเหล็กซึ่งมีขนาดที่บริษัทไม่สามารถผลิตเองได้
บริษัทมีการขายสุทธิหลักมาจากการผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์เหล็กรูปพรรณประเภทเหล็กแผ่น ท่อเหล็ก และเหล็กตัวซี รวมทั้งผลิตภัณฑ์พลอยได้ซึ่งเป็นเหล็กที่มีตำหนิหรือมีขนาดความยาวที่ไม่ตรงตามมาตรฐาน และรายได้จากการซื้อมาและจำหน่ายไปเหล็กรูปพรรณอื่นๆ
สำหรับงวด 6 เดือน ปี 2551 มีการขายสุทธิเป็นจำนวน 1,818.16 ล้านบาท มาจากการประกอบธุรกิจใน 2 ลักษณะ คือ การผลิตเหล็กรูปพรรณเพื่อจำหน่าย และการซื้อมาและจำหน่ายไปผลิตภัณฑ์เหล็ก โดยมีอัตราสัดส่วนรายได้จากการผลิตและการจำหน่ายเหล็กรูปพรรณต่อขายสุทธิประมาณร้อยละ 78 และ 82 ในปี 2550 และไตรมาส 2 ปี 2551 ตามลำดับ และ อัตราสัดส่วนรายได้จากผลิตภัณฑ์เหล็กที่บริษัทซื้อมาและจำหน่ายไปต่อขายสุทธิประมาณร้อยละ 22 และ 17 ในปี 2550 และไตรมาส 2 ปี 2551 ตามลำดับ
ทั้งนี้ รายได้จากการผลิตภัณฑ์เหล็กที่บริษัทซื้อมาและจำหน่ายไปเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของบริษัทที่จะให้สนองความต้องการของลูกค้าให้ครบวงจรประกอบกับได้เล็งเห็นถึงโอกาสในการดำเนินธุรกิจจากผลิตภัณฑ์เหล็กอื่นๆ ที่บริษัทไม่สามารถผลิตเองได้ผ่านธุรกิจซื้อมาและจำหน่ายไป
ในไตรมาส 2 ปี 2551 บริษัทมีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวน 319.66 ล้านบาท โดยมีอัตราส่วนกำไรขั้นต้นต่อขายสุทธิร้อยละ 17.58 บริษัทมีกำไรสุทธิจำนวน 203.20 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิต่อขายสุทธิร้อยละ 11.18 ในไตรมาส 2 ปี 2551
ณ สิ้นไตรมาส 2 ปี 2551 บริษัทมีสินทรัพย์รวมจำนวน 1,012.78 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นจำนวน 273.16 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 36.93 เมื่อเทียบกับสินทรัพย์รวม ณ สิ้นปี 2550 ในขณะที่สินทรัพย์รวมประกอบด้วยสินทรัพย์หมุนเวียนจำนวน 851.82 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 84.11 ของสินทรัพย์รวม และสินทรัพย์ไม่หมุนเวียนจำนวน 160.96 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 15.89 ของสินทรัพย์รวม
สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของลูกหนี้การค้าและตั๋วเงินรับการค้าสุทธิ ลูกค้าอื่นและบริษัทที่เกี่ยวข้องกัน และสินค้าคงเหลือจำนวน 49.18 ล้านบาท และจำนวน 212.41 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มสูงขึ้น นอกจากนั้น บริษัทได้ซื้อที่ดิน อาคารและอุปกรณ์เพิ่มจำนวน 11.71 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่บริษัทใช้ซื้ออุปกรณ์ของเครื่องผลิตเหล็กตัวซี และรถยนต์ส่วนกลาง และบริษัทย่อยซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ผลิตท่อเหล็ก หม้อแปลงไฟฟ้าและก่อสร้างถนนคอนกรีต
ขณะที่ บริษัทมีหนี้สินรวมเป็นจำนวน 530.88 ล้านบาท ซึ่งประกอบด้วยหนี้สินหมุนเวียนจำนวน 515.02 ล้านบาท และหนี้สินไม่หมุนเวียนจำนวน 15.86 ล้านบาท หรือคิดเป็นอัตราร้อยละ 50.85 และร้อยละ 1.57 ของสินทรัพย์รวมตามลำดับ
ปัจจุบัน บริษัทมีทุนจดทะเบียน 200,000,000 บาท แบ่งเป็นหุ้นสามัญจำนวน 200,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท โดยมีทุนเรียกชำระแล้ว 140,000,000 บาท
รายชื่อผู้ถือหุ้นรายใหญ่ 5 รายแรกของบริษัท ณ วันที่ 30 เมษายน 2551 ประกอบด้วย กลุ่มตระกูลปิติทรงสวัสดิ์ ถือหุ้น 21,897,500 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.64 ภายหลังเสนอขายหุ้นต่อประชาชนจะลดสัดส่วนลงเหลือ 10.95%, กลุ่มตระกูลนิติภาวะชน ถือหุ้น 21,816,600 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.58 และจะลดสัดส่วนลงเหลือ 10.91%, กลุ่มตระกูลดีรุ่งโรจน์ ถือหุ้น 16,925,300 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12.09 จะลดสัดส่วนลงเหลือ 8.46%, กลุ่มตระกูลปัญญาเปี่ยมศักดิ์ ถือหุ้น 16,800,000 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 12 จะลดสัดส่วนลงเหลือ 8.40% และกลุ่มตระกูลวงศ์สถิตพร ถือหุ้น 13,317,800 หุ้น หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.51 จะลดสัดส่วนลงเหลือ 6.66%