นางงามนิตย์ สมบัติพิบูลย์ รองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ สายการเงินและการบัญชี บมจ.การบินไทย (THAI) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3 ของปีบัญชี 2551 (1 ก.ค. - 30 ก.ย.51) บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและการให้บริการรวม 53,669 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนร้อยละ 9.5
ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานรวม 56,876 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 22.1 เป็นผลให้ขาดทุนจากการขายและการให้บริการ 3,207 ล้านบาท สาเหตุสำคัญเนื่องจากเหตุการณ์ไม่สงบทางการเมืองที่ทวีความรุนแรงและขยายวงกว้างตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคมเป็นผลให้ปริมาณการขนส่งผู้โดยสารลดลง ราคาน้ำมันเฉลี่ยสูงกว่าปีก่อนถึงร้อยละ 79.2 แม้ว่าจะมีรายได้จากค่าธรรมเนียมน้ำมันมาชดเชยก็ตามแต่บริษัทฯ ยังต้องรับภาระค่าน้ำมันที่สูงขึ้น การสำรองค่าใช้จ่ายพนักงาน ที่เข้าร่วมโครงการร่วมใจจากองค์กร และการเปลี่ยนแปลงประมาณการอายุการใช้งานของเครื่องบินและเครื่องยนต์รุ่นใหม่ทำให้ค่าเสื่อมราคาเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ดีบริษัทฯ มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 4,734 ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากการปรับยอดเงินกู้ที่เป็นเงินตราต่างประเทศคงเหลือเป็นเงินบาท ณ วันสิ้นงวด เป็นผลให้มีกำไรก่อนค่าใช้จ่ายทางการเงินและภาษีเงินได้ 1,691 ล้านบาท สูงกว่าปีก่อน 1,896 ล้านบาท
โดยมีกำไรสุทธิ 426 ล้านบาท หรือ 0.25 บาทต่อหุ้น สูงกว่าไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งขาดทุน 971 ล้านบาท หรือ 0.57 บาทต่อหุ้น
ผลการดำเนินงานสะสมสำหรับงวดเก้าเดือนแรกของปีบัญชี 2551 (1 ม.ค. - 30 ก.ย.51) บริษัทฯ ขาดทุน 6,612 ล้านบาท หรือ 3.89 บาทต่อหุ้น เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไร 2,532 ล้านบาทหรือ 1.49 บาทต่อหุ้น
ณ วันที่ 30 ก.ย.51 THAI และบริษัทย่อย มีสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 259,721 ล้านบาท ลดลงจาก ณ วันที่ 31 ธ.ค.50 จำนวน 20,554 ล้านบาท โดยมีหนี้สินรวมทั้งสิ้น 199,083 ล้านบาท ลดลง 13,167 ล้านบาท และส่วนของผู้ถือหุ้นรวมทั้งสิ้น 60,639 ล้านบาท ลดลง 7,386 ล้านบาท