นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะผันผวนอย่างหนักในสัปดาห์นี้ หลังจากสหรัฐเปิดเผยอัตราว่างงานเดือนต.ค.ที่พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีครึ่ง ซึ่งส่งผลให้นักลงทุนวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะให้ความสนใจเรื่องข้อมูลค้าปลีกมากเป็นพิเศษ รวมถึงยอดค้าปลีกที่รายงานโดยรัฐบาลสหรัฐ และยอดขายของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่อย่างวอล-มาร์ท
เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า อัตราการว่างงานเดือนต.ค.พุ่งขึ้น 0.4% แตะระดับ 6.5% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 14 ปีครึ่ง ส่วนตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนต.ค.ร่วงลงอีก 240,000 ตำแหน่งในเดือนดังกล่าว ซึ่งเป็นการลดลงติดต่อกันยาวนานถึง 10 เดือน
กระทรวงแรงงานระบุว่า ตัวเลขจ้างงานในสหรัฐร่วงลงแล้ว 1.2 ล้านตำแหน่งในปีนี้ โดยกว่าครึ่งหนึ่งของจำนวนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งภายหลังจากกระทรวงแรงงานเปิดเผยตัวเลขจ้างงานได้ไม่นาน บารัค โอบามา ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐกล่าวกับผู้สื่อข่าวที่ชิคาโกว่า "เรากำลังเผชิญกับความท้าทายทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในช่วงชีวิตของเรา และเราจำเป็นต้องดำเนินการอย่างรวดเร็วในการแก้ไขปัญหานี้" และกล่าวด้วยว่าเขาต้องการให้สหรัฐผ่านมาตรการทางการคลังเพื่อกระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจในเร็วๆนี้
จอห์น แฮทซิอุส นักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์กล่าวว่า ตัวเลขจ้างงานที่ร่วงลงติดต่อกัน 10 เดือนสะท้อนให้เห็นว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังจะเข้าสู่ภาวะถดถอยอย่างร้ายแรง และคาดว่าอัตราการว่างงานอาจพุ่งขึ้นสู่ 8.5% ภายในสิ้นปีพ.ศ.2552
ขณะที่ไมเคิล เฟโรลี นักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน เชส กล่าวว่า "ตัวเลขจ้างงานสหรัฐที่อ่อนแอเกินคาดในเดือนส.ค.และก.ย.บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐอาจเข้าสู่ภาวะถดถอยในช่วงเวลาก่อนที่วิกฤติสินเชื่อจะแตะจุดเลวร้ายที่สุด ความกังวลเรื่องเรื่องการจ้างงานส่งผลให้ผู้บริโภคสหรัฐปรับลดการจับจ่ายใช้สอย และปัจจัยนี้ก็ส่งผลกระทบต่อหลายประเทศทั่วโลก โดยจีนและประเทศ ผู้ผลิตสินค้าต้นทุนต่ำรายอื่นๆต่างก็ได้รับผลกระทบจากการที่ผู้บริโภคสหรัฐลดการซื้อสินค้า
สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญๆของสหรัฐที่อยู่ในความสนใจของนักลงทุนมีดังนี้ วันจันทร์ สำนักงานคอนเฟอเรนซ์บอร์ดจะเปิดเผยดัชนีการจ้างงานเดือนต.ค. วันพฤหัสบดี กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยข้อมูลการค้าระหว่างประเทศเดือนก.ย.และกระทรวงแรงงานจะเปิดเผยจำนวนชาวอเมริกันที่ขอรับสวัสดิการระหว่างว่างงาน
วันศุกร์ กระทรวงพาณิชย์จะเปิดเผยยอดค้าปลีกเดือนต.ค.,กระทรวงแรงงานจะเปิดเผยราคานำเข้าและส่งออกเดือนต.ค.และมหาวิทยาลัยมิชิแกนจะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นขั้นต้นเดือนพ.ย.
นอกจากนี้ นักลงทุนจะจับตาดูยอดขายของบริษัทค้าปลีกยักษ์ใหญ่ในสหรัฐ อาทิ วอล-มาร์ท, โคห์ล คอร์ป, เจซีเพนนี, มาซี อิงค์ และเอเบอร์ครอมบี แอนด์ ฟิทช์ สำนักข่าวเอพีรายงาน