นายสมชาย คุลีเมฆิน กรรมการผู้จัดการ บมจ.โกลบอล คอนเน็คชั่นส์ (GC) ยอมรับว่ารายได้ปีนี้คงจะลดลงมาอยู่ที่ 3.5-3.6 พันล้านบาท จากเป้าเดิมที่ 3.8 พันล้านบาท หรือเติบโตใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่กำไรก็คงจะปรับตัวลดลงจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 108 ล้านบาท โดยงวด 9 เดือนมีกำไรสุทธิ 83 ล้านบาท เนื่องจากกำลังซื้อที่ลดลง และราคาต่อหน่วยของสินค้าลดลง
และในไตรมาส 4/51 ก็เชื่อว่ารายได้จะอยู่ในทิศทางขาลง และมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/50 เนื่องจากสัญญาณของลูกค้าที่เก็บสต็อกลดลงจากกำลังซื้อที่ชะลอตัวลงทำให้ลูกค้ามีความระมัดระวังในการสั่งซื้อสินค้ามากขึ้น
นายสมชาย กล่าวว่า ปัจจัยที่เกิดขึ้นอาจจะมีผลทำให้ความสามารถในการจ่ายปันผลของบริษัทในงวดปีนี้อาจจะต่ำกว่าหรือใกล้เคียงกับปีก่อน อีกทั้งจะต้องขอดูสภาพคล่องทางการเงิน เพราะหากแบงก์เข้มงวดมากขึ้น บริษัทก็อยากจะเก็บเงินสดไว้ลงทุน ถึงแม้ปัจจุบันบริษัทจะใช้เงินกู้ไปเพียง 600 ล้านบาทจากวงเงินที่มีกว่า 1.4 พันล้านบาท จึงยังเหลือพอใช้ลงทุนได้อีกมากก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ปัญหาดังกล่าวยังส่งสัญญาณไปถึงปีหน้า ทำให้บริษัทต้องเน้นการดำเนินธุรกิจอย่างระมัดระวัง รวมถึงการบริหารความเสี่ยงทั้งการบริหารสต็อกและด้านการเงิน โดยเฉพาะการเก็บเงินลูกหนี้
อีกทั้งยังเห็นการสัญญาณการหดตัวของภาคธุรกิจสำคัญที่เป็นลูกค้าหลักไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมรถยนต์ที่หลายฝ่ายประเมินว่ายอดผลิตจะเหลือ 1.2 แสนคัน จาก 1.4 แสนในปีนี้ อุตสาหกรรมอิเล็คทรอนิคส์ ที่เห็นสัญญาณจากการลดพนักงาน รวมถึงอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าที่เห็นยอดส่งออกที่ลดลง
ดังนั้น บริษัทจึงได้วางแผนเพื่อสร้างกำไรในปีหน้าด้วยการปรับโมเดลธุรกิจ โดยการทยอยเพิ่มสัดส่วนรายได้จากสินค้าประเภทพลาสติกวิศวกรรมและเคมีภัณฑ์พิเศษเพิ่มขึ้น เพราะสินค้าทั้ง 2 ประเภทมีมาร์จิ้นเฉลี่ย 8-12% สูงกว่าสินค้าพลาสติกโภคภัณฑ์ที่ให้มาร์จิ้นเฉลี่ย 3-4% เท่านั้น
ปัจจุบัน GC มีรายได้จากสินค้าพลาสติกโภคภัณฑ์ 70% ซึ่งจะลดลงเหลือ 60% และ 50% ในปีหน้า และปี 53 ตามลำดับ ขณะที่สัดส่วนพลาสติกวศิวกรรมและเคมีภัณฑ์พิเศษจะเพิ่มขึ้นมาทดแทน
นอกจากนี้ ภายใต้ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นจำเป็นต้องมองหาสินค้าเข้ามาเพิ่มเติม แต่คงจะเป็นสินค้าที่นอกเหนือจากสินค้าพลาสติก เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจ