โบรกฯ ชวนช็อปปิ้งหุ้นดีและถูกแนะถือยาวดักทางก่อนเศรษฐกิจฟื้นปลายปี 53

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 20, 2008 18:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นักวิเคราะห์ แนะอาศัยจังหวะเข้าซื้อลงทุนระยะยาวหุ้นที่มีพื้นฐานดีและราคาถูกตั้งแต่ช่วงนี้จนถึงกลางปีหน้า เพราะถือว่าซื้อได้ถูกกว่าเจ้าของบริษัท แต่จะต้องถือยาวได้จึงได้กำไร หลังประเมินว่าเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวในช่วงปลายปี 53 ระบุขณะนี้มีหุ้นราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี(BV)กว่าครึ่ง โดยขณะนี้ดัชนีหุ้นน่าจะใกล้จุดต่ำสุด

นายก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บล.เอเซียพลัส และ นายกสมาคมนักวิเคราะห์ มองว่า ภาวะวิกฤติการเงินและเศรษฐกิจโลกเกิดขึ้นทำให้ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่งลง แต่ก็เป็นโอกาสเข้าลงทุนโดยแนะนำทยอยลงทุน เพราะอย่างน้อยขณะนี้รัฐบาลได้อัดฉีดเงิน 1 แสนล้านบาทเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่นเดียวกับหลายประเทศรวมถึงธนาคารกลางสหรัฐ ก็มีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเช่นกัน

อย่างไรก็ดี เชื่อว่าเศรษฐกิจโลกมีโอกาสฟื้นตัวสูง หลังจากหลายประเทศพยายามเข้าแก้ไขสถาบันการเงินอย่างรวดเร็วทั้งในสหรัฐ อังกฤษ และยุโรป

"เรายังไม่อยุ่ในจุดต่ำสุดมากนัก ในแง่หุ้น price per book ผมว่าน่าสนใจ ผมมองว่าในช่วงนี้จากจุดต่ำสุดวันนี้จนถึงกลางปีหน้า เป็นโอกาสจะเข้าไปซื้อหุ้น" นายก้องเกียรติ กล่าวในงานสัมมนาเรื่อง"วิกฤตโลกครั้งใหม่:เศรษฐกิจและหุ้นไทยไปรอดหรือไม่"

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนยังมีเวลาคิดและหาจังหวะซื้อหุ้น โดยมูลค่าหุ้นในตลาดทั่วโลกตกลงมาเหลือ 35 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ จากก่อนหน้าที่เกิดวิกฤติมีมูลค่าหุ้นอยู่ 60 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ

ส่วนนายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะหลักทรัพย์ มองว่า ปี 52 การเติบโตของเศรษฐกิจโลกไม่น่าเกิน 2% ส่วนเศรษฐกิจไทยคาดว่าจะเติบโต 2.5-3.0% และบริษัทจดทะเบียนจะมีกำไรสุทธิลดลงประมาณ 5% จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีกำไรสุทธิรวมกันราว 5 แสนล้านบาท

แต่สภาพโดยรวมในปีหน้าก็ยังดีกว่าในปี 40 ที่เกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ซึ่งขณะนั้นดัชนีหุ้นตกต่ำลงถึง 204 จุดในปี 41 และหุ้นฟื้นตัวก่อนภาวะเศรษฐกิจเสมอ โดยขณะนี้ดัชนีหุ้นคิดว่าน่าจะใกล้จุดต่ำสุด โดยประเมินที่ 320 จุด จากที่จุดสูงสุดเมื่อปี 50 ที่ 924 จุด หรือปรับลดลงมาประมาณ 60-65%

ด้านนายศุภวุฒิ สายเชื้อ กรรมการผู้จัดการ หัวหน้าสายงานวิจัย บล.ภัทร คาดว่า ปีหน้าเศรษฐกิจไทยจะเติบโต 3.3% และ ส่งออกเติบโตได้ที่ 7% ลดลงจากปีนี้ที่ขยายตัว 19% ก็ยังถือว่าเศรษฐกิจได้ยังขยายตัวได้แม้จะไม่ดีนัก

ขณะที่เศรษฐกิจโลกชะลอตัวจากปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจจากสหรัฐและยุโรป โดยเชื่อว่าจะตกต่ำสุดในไตรมาส 4/51 จนถึงไตรมาส 2/52 -ไตรมาส 3/52 แต่รอบนี้คิดว่ากว่าจะฟื้นตัวต้องใช้เวลาถึง 8 ไตรมาสจากปกติ 4 ไตรมาส หรือคาดว่าประมาณในปลายปี 53 เนื่องจากปัญหาวิกฤติเริ่มต้นที่สถาบันการเงินในสหรัฐและยุโรป ทำให้ปัญหาลามไปถึงญี่ปุ่น ฮ่องกง เกาหลี ไต้หวัน

"ช่วงการซื้อหุ้นต้องค่อยๆเข้าซื้อและต้องถือได้ยาวนาน 3 ปี ต้องยอมรับว่า วิกฤตครั้งนี้ฟื้นตัวช้ามาก ...ถ้าถามตัวเองจริงๆ ตลาดยังไมรู้ว่าข่าวร้ายจะหมดหรือยัง" นายศุภวุฒิกล่าว

ทั้งนี้ ยังมีเหตุการณ์อีก 3 อย่างที่ยังประเมินยาก ได้แก่ ราคาสินทรัพย์ในสหรัฐ และยุโรป จะหยุดตกต่ำเมื่อไร, การที่โลกต้องพึ่งพิงการเติบโตเศรษฐกิจของจีนที่ปีหน้าคาดว่าจะต้องโต 8.5% แต่ก็ไม่มั่นใจว่าเศรษฐกิจของจีนจะโตได้หรือไม่เพราะมีสัญญาณหลายตัวที่ระบุว่าอาจโตไม่ถึง เช่น การใช้พลังงาน

รวมถึง ปัญหาการเมืองไทย ที่ยังยากประเมินว่าจะไปทางไหน เพราะล่าสุดก็มีการวางระเบิดในเวทีกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จุดชนวนให้กลุ่มพันธมิตรฯ นัดรวมพลครั้งใหญ่ในวันที่ 23 พ.ย.เพื่อล้มรัฐบาล และ มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จะกลับมาไทยในวันที่ 25 ธ.ค.นี้

ส่วนนายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการ บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบทั้งจากปัจจัยนอกประเทศแล้วยังรับผลกระทบจากการเมืองในประเทศ ที่ยังคงวุ่นวายยืดเยื้อ อย่างไรก็ดี ตลาดหุ้นไทยยังปรับตัวลดลงไปในทิศทางเดียวกับตลาดภูมิภาค ถือว่าตลาดหุ้นไทยไม่ได้ underperform

แม้ว่านักลงทุนต่างประเทศยังมียอดขายมากกว่าซื้อ โดยซื้อ 1 ล้านล้านบาท และ ขาย 1.4 ล้านล้านบาท ก็ตาม แต่เมื่อกลับมาพิจารณาหุ้นมากกว่าครึ่งหนึ่งมีราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี และให้ลงทุนระยะยาว 3-5 ปี มั่นใจว่าจะได้รับผลกำไรแน่นอน

"ยังไม่รู้ว่า bottomอยู่ที่ไหน...แต่ที่รู้ราคาหุ้นตอนนี้มี discount 20%จากมูลค่าทางบัญชี"นายไพบูลย์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ