(เพิ่มเติม) ACAP เผยศึกษาตั้งธุรกิจในฟิลิปปินส์-อินโดนีเซียคาดสรุปปี 52

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday November 24, 2008 15:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเอนก ปิ่นวนิชย์กุล กรรมการผู้จัดการ บมจ.เอแคป แอ๊ดไวเซอรี่ (ACAP) เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างศึกษาการเข้าไปจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย หลังจากได้เข้าไปลงทุนซื้อหนี้เสียจากมาเลเซียและร่วมทุนตั้งเป็นบริษัท เอแคป-มาเลเซียแล้ว

ทั้งนี้ คาดว่าการเข้าไปลงทุนในฟิลิปปินส์และอินโดฯ จะได้ข้อสรุปถึงรูปแบบการไปลงทุนว่าจะเป็นรูปแบบใดในปี 52 เบื้องต้นอาจคล้ายกับการลงทุนในมาเลเซีย ซึ่งการลงทุนดังกล่าวจะเป็นการสร้างรายได้ให้กับบริษัทเพิ่มขึ้นในอนาคต รวมถึงการสร้างรายได้ที่มาจากการบริหารสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่คาดว่าจะมากขึ้นในปีหน้าด้วย

นายเอนก กล่าวว่า บริษัทคาดว่าจะซื้อหนี้ด้อยคุณภาพเข้ามาบริหารอีกประมาณ 1-2 หมื่นล้านบาทในปี 52 จากหนี้ที่คาดว่าจะมีการนำออกขายในตลาดทั้งหมด 5-6 หมื่นล้านบาท ทำให้คาดว่ารายได้รวมในปีหน้าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% จากปีนี้ที่คาดว่ารายได้รวมจะอยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท และมีกำไรราว 200 ล้านบาท สูงขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 185 ล้านบาท

อย่างไรก็ตาม ช่วงปี 52 เศรษฐกิจที่ไม่ดี ส่งผลให้ความสามารถในการผ่อนชำระได้ช้าลงและน้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้อัตราผลตอบแทน(yield) จากการบริหารพอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพบริษัทสูงขึ้นเป็น 20% จากปัจจุบันที่ 15%

นายเอนก กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทได้มีการเตรียมความพร้อมในเรื่องของเม็ดเงินที่จะเข่าไปซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่คาดว่าจะมีมากขึ้นในปีหน้า จากปัญหาวิกฤตการเงินที่เกิดขึ้นและภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอ และในอนาคตคาดว่าอาจจะแสวงหาโอกาสเข้าไปซื้อหนี้เสียจากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปด้วย

"ตรงนี้ขึ้นอยู่กับโอกาส โดยปัจจุบันบริษัทมีสถานะเงินสด 1,956 ล้านบาท นอกจากนี้ ในส่วนธุรกิจที่ปรึกษาทางการเงินในปีหน้าจะมีบทบาทที่มากขึ้นจากปัญหาดังกล่าว โดยจะให้ความสำคัญการให้บริการทางการเงินในกรณีซื้อขายกิจการ การระดมเงินทุนและการปรับโครงสร้างหนี้จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนอยู่ 1-2% เท่านั้น"นายเอนก กล่าว

ส่วนบริษัท แคปปิตอล โอเค นายเอนก คาดว่าจะคุ้มทุนในไตรมาส 1 ปี 52 เนื่องจากปัจจุบันบริษัทเหลือหนี้กู้ยืมที่จะชำระ 167 ล้านบาทที่คาดว่าจะสามารถทยอยชำระได้หมดภายในเดือนม.ค.นี้ ขณะที่มียอดหนี้คงค้างในระบบ 1,349 ล้านบาท จำนวนบัญชี 162,905 บัญชี และ ณ สิ้นไตรมาส 3 มีจำนวน 10 สาขา

"เราจะพยายามบาลานซ์ยืนให้ได้ทุกสถานการณ์ไม่ว่าช่วงขาขึ้นหรือช่วงขาลง ช่วงขาลงเราก็หารายได้จากการรับบริหารหนี้ ส่วนช่วงขาขึ้นเราก็ได้จากการปล่อยสินเชื่อ"นายเอนก ระบุ


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ