นายชำนิ จันทร์ฉาย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท ซี.เจ.มอร์แกน จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีดีลในการปรับโครงสร้างหนี้และควบรวมกิจการรวมกัน 9 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็นการควบรวมกิจการประมาณ 4 ดีล มูลค่ารวมกว่า 4 หมื่นล้านบาท เป็นดีลควบรวมทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์
และยังมีดีลที่เป็นการปรับโครงสร้างหนี้ มูลหนี้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ธุรกิจส่วนใหญ่ที่ปรับโครงสร้างคือธุรกิจส่งออกทั้งอุปกรณ์กีฬาและอาหารโดยคาดว่าจะสามารถสรุปดีลควบรวมกิจการได้ 1 แห่งภายในปีนี้
ทั้งนี้ โดยส่วนตัวเห็นด้วยกับมาตรการภาษีที่รมว.คลังออกมาทั้งด้านการควบรวมและการปรับโครงสร้างหนี้ แต่ต้องการผลักดันให้มาตรการภาษีครอบคลุมบริษัททั้งในและนอกตลาด จากแผนเดิมที่จะเน้นบริษัทในตลาด และต้องการให้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากผลกระทบจากเศรษฐกิจโลกน่าจะกระทบต่อภาคอุตฯในประเทศไทย โดยในเดือนมิ.ย. 52 อาจจะมีอีกหลายบริษัทที่จะต้องเข้าสู่กระบวนการปรับโครงสร้างหนี้หลังจากเกิดวิกฤต
อย่างไรก็ตาม วิกฤติเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นแตกต่างจากปี 40 ที่ขณะนั้นเกิดปัญหาสถาบันการเงินในประเทศแต่วิกฤตครั้งนี้เกิดปัญหากับสถาบันการเงินในต่างประเทศและกระทบต่อเศรษฐกิจในประเทศนั้นๆ ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยโดยเฉพาะภาคส่งออกจะได้รับผลกระทบหนัก เนื่องจากกำลังซื้อจะหายไป และอาจจะส่งผลกระทบในระยะอีก 1-2 ปีนี้ ดังนั้นอาจจะเห็นการควบรวมกิจการและการปรับโครงสร้างหนี้มากขึ้น