นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มดีดตัวขึ้นในสัปดาห์นี้ เนื่องจากนักลงทุนคลายความวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคธนาคาร หลังจากซีอีโอของสถาบันการเงินยักษ์ใหญ่เปิดเผยว่าธนาคารสามารถทำกำไรได้ในช่วงเดือนม.ค.-ก.พ.และข่าวการควบรวมกิจการในอุตสาหกรรมยา
ตลาดหุ้นนิวยอร์กได้รับปัจจัยบวกจากซีอีโอแบงค์ ออฟ อเมริกา ที่เปิดเผยว่า ธนาคารสามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ. ซึ่งการเปิดเผยครั้งนี้มีขึ้นหลังจากนายเจมมี ไดมอน ซีอีโอของเจพีมอร์แกนยืนยันว่า ธนาคารสามารถทำกำไรได้ในเดือนม.ค.-ก.พ. และนายวิกรม บัณฑิต ซีอีโอซิตี้กรุ๊ป เชื่อมั่นว่า ซิตี้กรุ๊ปจะสามารถทำกำไรได้ในไตรมาสแรกของปีนี้ หลังจากที่ธนาคารสามารถทำกำไรได้ 1.9 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนม.ค.-ก.พ.
โทไบแอส เลฟโควิช นักยุทธศาสตร์การลงทุนด้านหลักทรัพย์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า "ข่าวการทำกำไรของซิตี้กรุ๊ป, แบงค์ ออฟ อเมริกา และเจพีมอร์แกน ทำให้นักลงทุนมองว่าปัญหาในภาคการเงินมีทางแก้ไขได้ และที่ผ่านมาตลาดมีปฏิกริยาในด้านลบต่อปัญหาดังกล่าวมากเกินไป"
เลฟโควิชคาดการณ์ว่า นักลงทุนส่วนใหญ่จะจับตาดูข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันจันทร์ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์คจะเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิตประจำเดือนมี.ค.และตัวเลขการผลิตทางอุตสาหกรรมและอัตราการ ใช้กำลังผลิตประจำเดือนเดือนก.พ. ขณะที่สมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) จะเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนมี.ค.
วันอังคาร กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือนก.พ.,กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ. และ ABC News จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐประจำสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 15 มี.ค.
ส่วนวันวันพุธ กระทรวงแรงงานสหรัฐจะเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนก.พ. และคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐประกาศมติการประชุมกำหนดอัตราดอกเบี้ย
วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจประจำเดือนก.พ. ส่วนวันศุกร์ไม่มีการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจในสหรัฐ สำนักข่าวเอพีรายงาน