สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)สั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุน 7 ราย หลังพบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม โดยสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนายชาญณรงค์ แซ่หลี เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2552 พร้อมทั้งภาคทัณฑ์นายเกียรติศักดิ์ จิตติถาวร นายวชิรศักดิ์ คชินทร และนายสุกิจ รุ่งทวีสุข เป็นระยะเวลา 1 ปี รวมทั้งบันทึกประวัติการกระทำผิดของนายประวิทย์ ดิษฐานพงศ์ นายพรชัย เธอจันทึก และนายศักดิ์พันธุ์ เข็มนาค
กรณีนายชาญณรงค์นั้น สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่ามีข้อตกลงกับลูกค้าในการรับจัดการซื้อขายหลักทรัพย์ให้ลูกค้าแล้วแจ้งให้ลูกค้าทราบภายหลัง และเมื่อได้จัดการซื้อขายหลักทรัพย์ให้ลูกค้าแล้วเกิดผลขาดทุน นายชาญณรงค์ได้นำหลักทรัพย์ที่มีอยู่ในบัญชีลูกค้าไปขายเพื่อชดเชยผลขาดทุนดังกล่าว การกระทำของนายชาญณรงค์ถือเป็นการยุ่งเกี่ยวกับทรัพย์สินของผู้ลงทุน จึงสั่งพักการปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนายชาญณรงค์เป็นระยะเวลา 6 เดือน ตั้งแต่วันที่ 19 มีนาคม 2552
กรณีนายวชิรศักดิ์ สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบเจ้าหน้าที่รับอนุญาตรายหนึ่งส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์โดยพลการในบัญชีของลูกค้าที่นายวชิรศักดิ์เป็นผู้ดูแลในฐานะเจ้าหน้าที่การตลาด ซึ่งอยู่ในวิสัยที่นายวชิรศักดิ์ควรรู้ถึงการกระทำดังกล่าว อีกทั้งนายวชิรศักดิ์ไม่เคยพบ ทำความรู้จัก หรือติดต่อให้คำแนะนำเกี่ยวกับการลงทุนแก่ลูกค้ารายนั้น และทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหายจากการปฏิบัติหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
และ กรณีนายสุกิจ สำนักงาน ก.ล.ต. ตรวจพบว่า นายสุกิจไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของลูกค้า โดยสั่งซื้อหลักทรัพย์ในราคาตลาดขณะนั้นแทนที่จะส่งคำสั่งซื้อตามราคาที่ลูกค้าสั่ง ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติงานที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐาน
ดังนั้น จึงสั่งภาคทัณฑ์การปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนของนายวชิรศักดิ์ และนายสุกิจ เป็นระยะเวลา 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 7 กุมภาพันธ์ และ 18 มีนาคม 2552 ตามลำดับ
กรณีนายศักดิ์พันธุ์ เป็นผลสืบเนื่องจากการตรวจสอบการสร้างราคาหลักทรัพย์กรณีหนึ่ง ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. พบว่า นายศักดิ์พันธุ์ส่งคำสั่งซื้อแล้วยกเลิกคำสั่งในเวลาที่ใกล้จะจับคู่ซื้อขายได้ แล้วส่งคำสั่งซื้อใหม่ในระดับราคาเดิม และกระทำในลักษณะนี้บ่อยครั้ง ซึ่งอาจทำให้บุคคลอื่นเข้าใจว่า มีผู้ต้องการซื้อหุ้นนั้นเป็นจำนวนมาก โดยนายศักดิ์พันธุ์ยอมรับว่า เป็นผู้กำหนดวิธีการส่งคำสั่งดังกล่าวเอง ซึ่งผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนพึงมีวิจารณญาณไม่ส่งคำสั่งที่มีลักษณะไม่เหมาะสมเข้าสู่ระบบการซื้อขายการกระทำของบุคคลทั้งสี่ข้างต้นเป็นการปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามมาตรฐานการปฏิบัติงานตาม ข้อ 11(2) แห่งประกาศสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ สข. 15/2548 เรื่อง การให้ความเห็นชอบผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนและมาตรฐานการปฏิบัติงาน ลงวันที่ 21 มิถุนายน 2548
แต่เนื่องจากปัจจุบันนายศักดิ์พันธุ์ไม่ได้เป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบ จึงบันทึกพฤติกรรมที่เป็นความผิดไว้เป็นประวัติ
สำหรับกรณีนายประวิทย์ ดิษฐานพงศ์ และนายพรชัย เธอจันทึก สำนักงาน ก.ล.ต.ได้รับรายงานจากธนาคารต้นสังกัดว่า บุคคลดังกล่าวกระทำการทุจริตต่อทรัพย์สินของลูกค้า และกรณีนายเกียรติศักดิ์ จิตติถาวร สำนักงาน ก.ล.ต. ได้รับรายงานการลงโทษจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่ตรวจพบว่า นายเกียรติศักดิ์ส่งคำสั่งซื้อขายหลักทรัพย์ไม่เหมาะสม ซึ่งเป็นการไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับของตลาดหลักทรัพย์ฯ พฤติกรรมของบุคคลทั้งสามรายดังกล่าวเข้าข่ายเป็นลักษณะต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ที่ กธ/น/ข. 3/2548 โดยกรณีนายประวิทย์และนายพรชัย มีพฤติกรรมที่เป็นลักษณะต้องห้ามตามข้อ 3(10) และ (12) ของประกาศ กล่าวคือ ประพฤติผิดต่อหน้าที่ ที่ต้องปฏิบัติงานหรือให้บริการด้วยความซื่อสัตย์สุจริตต่อผู้ใช้บริการธุรกิจบริการทางการเงินและมีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางไม่สุจริต
สำหรับนายเกียรติศักดิ์มีพฤติกรรมที่เป็นลักษณะต้องห้าม กล่าวคือ มีเหตุอันควรเชื่อว่ามีหรือเคยมีพฤติกรรมที่เป็นการขาด จรรยาบรรณหรือมาตรฐานในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ ซึ่งกำหนดโดยหน่วยงาน หรือสมาคมที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต. จึงสั่งภาคทัณฑ์นายเกียรติศักดิ์เป็นระยะเวลา 1 ปี มีผลตั้งแต่วันที่ 13 มกราคม 2552
ส่วนนายประวิทย์และนายพรชัย สำนักงาน ก.ล.ต. ได้บันทึกพฤติกรรมไว้เป็นประวัติความผิด
หากบุคคลดังกล่าวยื่นขอความเห็นชอบเป็นบุคลากรในธุรกิจหลักทรัพย์ สำนักงาน ก.ล.ต.จะปฏิเสธการให้ความเห็นชอบเป็นระยะเวลา 5 ปี ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคม 2552 เนื่องจากปัจจุบันบุคคลทั้งสองไม่ได้มีสถานะเป็นผู้ติดต่อกับผู้ลงทุนที่สำนักงาน ก.ล.ต. ให้ความเห็นชอบแล้ว