บมจ.ปตท.(PTT)ระบุถึงแผนการนำโรงกลั่นสตาร์รีไฟน์เนอริ่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยว่า คงไม่ได้เห็นในปีนี้ แต่จะมีการหยิบยกขึ้นมาทบทวนใหม่ในปี 53 เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและสภาพตลาดในขณะนี้ไม่เอื้ออำนวย
"สถานการณ์อีกครั้งในปี 53 เนื่องจากภาวะตลาดหุ้นไม่เอื้ออำนวยในการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และเศรษฐกิจโลกยังอยู่ในภาวะตกต่ำ รวมถึงธุรกิจโรงกลั่นที่ยังได้รับผลกระทบจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวดลลง จึงเห็นว่ายังไม่ควรพิจารณาเรื่องเข้าตลาดหลักทรัพย์ในเวลานี้ "นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร PTT กล่าว
สำหรับกิจการของ PTT นั้น ในปีนี้ยอมรับว่ารายได้คงออกมาไม่ดีเท่ากับปีก่อนที่มีรายได้ราว 2 ล้านล้านบาท แต่บริษัทมีเป้าหมายที่จะรักษากำไรให้ใกล้เคียงปี 51 เนื่องจากเชื่อว่าปีนี้จะไม่มีปัญหาเรื่องการขาดทุนจากสต็อกน้ำมัน(Stock Loss)แต่ยอมรับว่าธุรกิจปิโตรเคมีอาจจะมีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)แคบลง แต่ยังเชื่อว่าจะมีมาร์จิ้นที่ดี
"ผลประกอบการปีนี้ ยังพยายามที่จะทำกำไรสุทธิให้ใกล้เคียงกับปีก่อนแม้ว่ารายได้จะต่ำกว่าปีก่อน จากราคาน้ำมันที่ลดลงต่อเนื่อง
นายประเสริฐ กล่าวว่า ปตท.ยังมองหาโอกาสที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยสนใจที่จะเข้าทำ M&A ในกิจการในแถบเอเชียของเครือดาวเคมีคอล หลังจากมีข่าวว่าทางกลุ่มดาวฯ อาจจะขายธุรกิจบางส่วน
"การควบรวมกิจการก็ยังเปิดโอกาสต่อเนื่องสำหรับกลุ่ม ปตท. แต่คงยังไม่เห็นทันทีทันใด เพราะต้องศึกษาการลงทุนอย่างรอบคอบ เนื่องจากกระแสข่าวว่าดาวปิโตรเลียมจะขายธุรกิจในเอเชียออกมา ปตท.ก็ยังไม่ได้ปิดโอกาส แต่ยืนยันว่ายังไม่ได้มีการเจรจากับผู้บริหารของดาวปิโตรเลียมแต่อย่างใด"นายประเสิรฐ กล่าวส่วนบริษัท เอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ จำกัด ที่ลงนามกู้เงินจากธนาคารกรุงไทย (KTB)วันนี้ เพื่อรีไฟแนนซ์สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านภาระดอกเบี้ยประมาณ 2% หรือปีละประมาณ 150 ล้านบาท คาดว่าบริษัท เอนเนอร์ยี คอมเพล็กซ์ จำกัด จะทำรายได้ปีละ 1 พันล้านบาท โดยโครงการจะแล้วเสร็จปี 52 และมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ เม.ย.53