ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กดาวโจนส์ปิดร่วง 186.29 จุด ขณะนลท.จับตาผลประกอบการเอกชน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 8, 2009 06:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (7 เม.ย.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้บริษัทเอกชนรายงานผลประกอบการที่หดตัวลง และกระแสความวิตกกังวลรุนแรงขึ้นเมื่อผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระดับโลก อาทิ จอร์จ โซรอส และมาร์ค ฟาเบอร์ ออกมาแสดงความคิดเห็นในด้านลบต่อตลาดหุ้นนิวยอร์ก

สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดร่วง 186.29 จุด หรือ 2.34% แตะที่ 7,789.56 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดลบ 19.93 จุด หรือ 2.39% แตะที่ 815.55 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดลบ 45.10 จุด หรือ 2.81% แตะที่ 1,561.61 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.26 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 6 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.89 พันล้านหุ้น

โจว เวแรนธ์ นักวิเคราะห์จากบริษัท Dana Investment Advisors กล่าวว่า ราคาหุ้นร่วงลงทั่วทั้งกระดาน รวมถึงหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มการเงิน และกลุ่มพลังงาน ขณะที่ภาวะการซื้อขายเป็นไปอย่างเงียบเหงาก่อนที่ตลาดจะปิดทำการซื้อขายในวันศุกร์ที่ 10 เม.ย.เนื่องในวัน Good Friday (ศุกร์ประเสริฐ) โดยปัจจัยลบส่วนใหญ่มาจากความกังวลที่ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะทำให้บริษัทเอกชนรายงานผลประกอบการที่ลดลง และการแสดงความคิดเห็นในด้านลบจากผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระดับโลก

นักลงทุนจับตาดูผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์มากเป็นพิเศษ โดยซิตี้กรุ๊ป, โกลด์แมน แซคส์ และเจพี มอร์แกน เชส แอนด์ โค จะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้ หลังจากไมค์ มาโย นักวิเคราะห์ชื่อดังด้านการธนาคารจากบริษัทหลักทรัพย์คาลิยงในนิวยอร์กคาดการณ์ว่า ธนาคารในสหรัฐจะถูกกระทบอย่างหนักจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยคาดว่าหนี้เสียในภาคธนาคารอาจเพิ่มขึ้นจาก 2% เป็น 3.5% ภายในช่วงสิ้นปีพ.ศ.2553 และคาดว่าภาคธนาคารจะขาดทุนเป็นวงเงินราว 6 แสนล้านดอลลาร์ ถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์ในอีก 3 ปีข้างหน้า ซึ่งเป็นผลจากปัญหาที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องกับสัญญาจำนอง และส่งผลกระทบไปยังภาคส่วนอื่นๆในระบบเศรษฐกิจของสหรัฐ

ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กซบเซาหนักขึ้นเมื่อจอร์จ โซรอส ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินระดับโลกแสดงความคิดเห็นว่า การซื้อขายอันคึกคักซึ่งเกิดขึ้นในตลาดหุ้นนิวยอร์กตลอด 4 สัปดาห์ที่ผ่านมานั้น ไม่ถือเป็นจุดเริ่มต้นของภาวะกระทิง เนื่องจากเศรษฐกิจสหรัฐยังคงหดตัวลง โดยคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐมีแนวโน้มหดตัวลงอย่างยืดเยื้อยาวนาน และ อาจเผชิญกับช่วงเวลาการขยายตัวที่ค่อนข้างต่ำในแบบที่ญี่ปุ่นเคยประสบ

นอกจากนี้ มาร์ค ฟาเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนชื่อดังระดับโลกและเป็นผู้ตีพิมพ์นิตยสารการลงทุน Gloom, Boom and Doom Report คาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกจะร่วงลงรุนแรงถึง 10% เพราะเข้าสู่ระยะ "พักฐาน" หลังจากตลาดทะยานขึ้นแข็งแกร่งเมื่อ 4 สัปดาห์ที่ผ่านมา โดยฟาเบอร์คาดว่า ดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะดิ่งลงแตะระดับ 750 จุด ซึ่งเป็นสถิติที่ลดลง 10% จากระดับปิดวานนี้ และคาดว่า ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กและตลาดหุ้นแห่งอื่นๆทั่วโลกจะดิ่งลงต่ำกว่าระดับต่ำสุดที่ทำไว้ในเดือนต.ค.และพ.ย.

หุ้นอัลโค อิงค์ ดิ่งลง 1.5% หลังจากบริษัทเปิดเผยตัวเลขขาดทุนติดต่อกัน 2 ไตรมาส ขณะที่หุ้นเจพีมอร์แกนร่วงลง 3.4% หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 2.6% แต่หุ้นซิตี้กรุ๊ปปิดบวก 4 เซนต์ ปิดที่ 2.76 ดอลลาร์


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ