นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ในปี 52 นี้คาดว่าผลประกอบการของธนาคารคงจะไม่ดีเท่าปี 51 ที่มีผลกำไรสุทธิกว่า 12,000 ล้านบาท เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ขณะที่ยอมรับว่ายอดสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) อาจต้องปรับเพิ่มขึ้น และการปล่อยสินเชื่อจะน้อยลงกว่าปีก่อน เนื่องจากลูกค้ายื่นขอสินเชื่อน้อย
ทั้งนี้ช่วง Q1/52 รายได้ดอกเบี้ยของธนาคารยังคงทรงตัว เมื่อเทียบปี 51 แต่รายได้พิเศษ เช่น การลงทุนในกองทุนรวมวายุภักษ์อาจจะจ่ายเงินปันผลน้อยกว่าปีก่อนๆ ซึ่งทำให้รายได้พิเศษของธนาคารจะปรับลดลงเป็นหลักพันล้านบาท เนื่องจากหุ้นที่กองทุนวายุภักษ์ลงทุนราคาปรับลดลงตามภาวะเศรษฐกิจ
"เมื่อเศรษฐกิจตกลง การทำรายได้พิเศษของแบงก์ก็หายไป แต่เราก็มีการจัดการ เพราะเรารู้ ก็เน้นการเพิ่มประสิทธิภาพมาโดยตลอดหลายปีมาแล้ว ลดต้นทุนแต่ปีนี้จะทำอย่างเข้มข้นขึ้น พยายามป้องกันไม่ให้ NPL เพิ่มขึ้น ลูกค้าที่ขายของไม่ได้ก็ไม่มีเงินมาชำระหนี้ เราก็ส่งคนเข้าไปช่วยเหลือ เพื่อให้ลูกค้าผ่านพ้นวิกฤตินี้ให้ได้" นายอภิศักดิ์ กล่าวนอกจากนี้ ในการประชุมผู้ถือหุ้น KTB ได้อนุมัติให้ธนาคารใช้สิทธิเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน บมจ.บัตรกรุงไทย (KTC) จำนวน 382.5 ล้านหุ้น หุ้นละ 10 บาท เป็นเงิน 3,825 ล้านบาท
นายอภิศักดิ์ กล่าวว่า การขออนุมัติซื้อหุ้นเพิ่มทุน KTC จากผู้ถือหุ้น เนื่องจากปัจจุบันธนาคารถือหุ้นใน KTC ในสัดส่วน 49.5% หากใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนครั้งนี้ จะทำให้ธนาคารถือหุ้นเกิน 50% ซึ่งตามกฎเกณฑ์จะเข้าข่ายการเข้าซื้อกิจการได้ จึงจำเป็นต้องขอมติผู้ถือหุ้นก่อน
ทั้งนี้ ธนาคารได้มีการจ้างที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ทำ Duediligence ตรวจสอบฐานะการเงิน KTC ก่อนการซื้อหุ้นเพิ่มทุน พบว่า ราคามูลค่าทางบัญชี(Book Value) อยู่ที่หุ้นละ 20 บาท ดังนั้นราคาขายหุ้นเพิ่มทุนหุ้นละ 10 บาท จึงถือว่ามีความเหมาะสม แม้จะมองว่าปัจจุบันราคาหุ้นในตลาดของ KTC อยู่ที่หุ้นละ 5-6 บาทก็ตาม นอกจากนี้ตามกฎหมายแล้ว บริษัทไม่สามารถขายหุ้นเพิ่มทุนในราคาต่ำกว่าราคาพาร์ได้ เนื่องจากบริษัทยังมีกำไร
"การขอมติผู้ถือหุ้นของแบงก์ เป็นการเตรียมการของเราในเบื้องต้น ส่วนจะได้สิทธิหรือไม่ขึ้นอยู่กับมติผู้ถือหุ้นของ KTC ด้วย ซึ่งจะประชุมกันในวันที่ 30 เม.ย.นี้ ...เหตุผลที่เราต้องเพิ่มทุน เพราะเห็นว่าธุรกิจบัตรเครดิตมีความสำคัญต่อแบงก์ และบริษัทมีตั๋วบีอีที่จะครบ Due ดังนั้นหากบริษัทมีฐานเงินทุนที่สูงก็สามารถช่วยขยายธุรกิจได้มากขึ้น" นายอภิศักดิ์ กล่าวกรรมการผู้จัดการ KTB กล่าวอีกว่า การที่ธนาคารเข้าซื้อหุ้นเพิ่มทุน KTC จะไม่ส่งผลกระทบต่อธนาคารอย่างแน่นอน เพราะ KTC ถือเป็นบริษัทในเครือ จะไม่มีการนำราคาหุ้น Mark to Market ที่ขณะนี้อยู่ที่หุ้นละ 6 บาท มาพิจารณาผลกำไรขาดทุนในงบการเงินของธนาคาร