ทั้งนี้ หุ้น TIES จำนวน 3.38 ล้านหุ้นหรือคิดเป็น 2.50% ของทุนชำระแล้วที่มี 135 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
นายสมพล เต็มสุข รองประธานกรรมการ บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม(TIES) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า รายการบิ๊กล็อตในวันนี้ตนเป็นผู้ทำดีลเอง โดยให้ลูกสาวซึ่งมีนามสกุลเดียวกันคือ"เต็มสุข" แต่ในกลุ่มตระกูลเต็มสุข ก็ยังคงถือหุ้นรวมกันแล้วกว่า 30 ล้านหุ้น แม้ว่าโดยส่วนตัวจะลดสัดส่วนการถือหุ้นลงเหลือราว 10%
ผู้สื่อข่าวถามว่า การลดสัดส่วนการถือหุ้นลงอย่างนี้ โดยโอนให้แก่ลูกสาว แสดงว่าท่านต้องการที่จะเกษียณตัวเองหรือเปล่า
รองประธานกรรมการ TIES กล่าวว่า "ถ้ามีผู้บริหารที่มีฝีไม้ลายมือ ก็อยากจะให้เข้ามาบริหาร ซึ่งมันก็ต้องมีวัฎจักรในแบบคนรุ่นเก่าไปคนรุ่นใหม่มา ซึ่งทุกคนก็ต้องเตรียมตัว และมันก็ต้องยอมรับความจริงตรงนี้"
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TIES 10 อันดับแรกล่าสุดเมื่อ 9 เม.ย.2552 ประกอบด้วย นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ถือหุ้น 34.07%, นายสมพล เต็มสุข ถือหุ้น 21.30%, บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือหุ้น 4.96%, กองทุนเปิด ไทยพาณิชย์หุ้นระยะยาว เอ็มเอไอ ถือหุ้น 4.27%, THAI CAPITAL FUND ถือหุ้น 3.78%
นายธีรพล เต็มสุข ถือหุ้น 2.10%, นางกาณจนี เต็มสุข ถือหุ้น 2.07%, นางณพพรี สมิงแก้ว ถือหุ้น 1.85%, น.ส.สุจิตรา เตชะนาวากุล ถือหุ้น 1.41% และกองทุนเปิด ไทยพาณิชย์ทวีทรัพย์ 3 ถือหุ้น 1.04%
ล่าสุดสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ระบุว่า ได้รับรายงานการจำหน่าย หุ้นของบมจ. ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม(TIES) โดย นาย สมพล เต็มสุข ซึ่งเป็นการจำหน่าย เมื่อวันที่ 11/05/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่จำหน่าย 10,899,900 หุ้นหรือคิดเป็น -8.07% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการจำหน่าย 18,749,800 หุ้นหรือคิดเป็น 14.16% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ
นอกจากนี้ ได้มีรายงานการได้มา หุ้น TIES โดย นาง ณพพรี สมิงแก้ว(ลูกสาวของนายสมพล เต็มสุข) ซึ่งเป็นการได้มา เมื่อวันที่ 11/05/2552 จำนวนหลักทรัพย์ที่ได้มา 4,420,000 หุ้นหรือคิดเป็น 3.27% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ จำนวนหลักทรัพย์ภายหลังการได้มา 6,915,500 หุ้นหรือคิดเป็น 5.12% ของสิทธิออกเสียงทั้งหมดของกิจการ