หุ้น ACL พุ่ง 7.41% มาอยู่ที่ 5.80 บาท เพิ่มขึ้น 0.40 บาท เมื่อเวลา 10.09 น.โดยเปิดตลาดที่ 5.70 บาท ขึ้นสูงสุดที่ 5.85 บาท และลงต่ำสุดที่ 5.70 บาท มูลค่าการซื้อขาย 160.41 ล้านบาท
หุ้น SCIB บวก 2.03% มาอยู่ที่ 15.10 บาท เพิ่มขึ้น 0.30 บาท โดยเปิดตลาดที่ 15.00 บาท ขึ้นสูงสุดที่ 15.10 บาท และลงต่ำสุดที่ 14.90 บาท มูลค่าการซื้อขาย 20.63 ล้านบาท
น.ส.ศศิกร เจริญสุวรรณ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้นของธนาคารสินเอเซีย (ACL) และธนาคารนครหลวงไทย(SCIB) ที่ปรับขึ้น น่าจะมาจากข่าว รมว.คลังเผยพร้อมพิจารณาขยายเพดานถือหุ้นต่างชาติใน SCIB-ACL เกิน 49% มองว่าเป็นข่าวดีและก็น่าจะจบได้ เพราะฉะนั้นราคาหุ้นก็คงจะวิ่งขยับขึ้นได้ทั้ง ACL และ SCIB เพราะคลังคงพยายามให้เกินต้นทุนของคลัง ซึ่งตามนสพ.ต้นทุน ACL อยู่ที่ 11.50 บาท และ SCIB อยู่ที่ 17.00 บาท ดังนั้นราคาก็ต้องเกินขึ้นไป
อย่างไรก็ตาม อย่างกรณีของแบงก์ไทยเป็นเพราะเนื่องจากมีปัญหา แต่ถ้า 2 แบงก์นี้ไม่ได้เป็นแบงก์ที่มีปัญหา การที่จะอนุมัติหรือที่บอกว่าอนุมัติจริงก็คงจะต้องผ่านกระบวนการพอสมควร มองว่าไม่น่าจะได้เร็ว เพราะตามพ.ร.บ.สถาบันการเงิน คลังอนุมัติได้ถึง 49% กรณีที่เป็นเคสพิเศษเพราะแบงก์มีปัญหาแต่ 2 แบงก์นี้ไม่มีปัญหา ถ้าต้องเป็นเรื่องทางกฎหมายก็คงต้องใช้เวลา แนะเทรดดิ้งได้อย่างเดียว
ด้าน บล.ยูไนเต็ด ระบุข่าวดังกล่าวน่าจะตอกย้ำให้ทราบว่าดีลใกล้จะจบลงได้เร็ว เนื่องจากการเปิดทางให้ธนาคารต่างชาติเข้ามาถือหุ้นเกิน 49% เท่ากับปลดล็อคในการขายหุ้น ACL ให้นักลงทุนต่างชาติ
แต่ที่จะทำให้ยืดเยื้ออยู่คงเป็นการตกลงเรื่องราคามากกว่า โดยคนขายก็อยากได้ราคาสูง แต่คนซื้อก็อยากได้ราคาต่ำ อย่างไรก็ดี เรามองว่าไม่น่าจะต่ำกว่า BV ที่ประมาณ 8 บาท
สำหรับนักลงทุนที่เข้าไปเก็งกำไร อยากให้ระมัดระวังความเสี่ยงเกี่ยวกับการตกลงกันไม่ได้และล้มดีล ซึ่งจะทำให้ราคาอาจปรับลดลงได้ในที่สุด
นสพ.ระบุ รมว.คลังเปิดเผยว่าหาก ICBC เข้ามาเจรจาและเสนอเงื่อนไขของซื้อ ACL จากกระทรวงการคลังที่ถืออยุ่ 30% พร้อมเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาถือหุ้นธนาคารไทย 49% หรือเกิน 49% ทั้งนี้จะพิจารณาถึงประโยชน์ที่มีต่อระบบสถาบัน การเงินไทย จะทำให้ธนาคารไทยมีศักยภาพที่แข็งแกร่งซึ่งก็จะพิจารณาหลักเกณฑ์เดียวกับ CIMBT ที่ให้ธนาคารมาเลยเซียเข้ามาถือหุ้นเต็มพิกัด และจะยังช่วยลดการผูกขาดของธนาคารพาณิชย์ 4-5 แห่งที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกือบทั้งหมด รวมถึงต้องการให้เกิดการแข่งขันในระบบการเงิน