นายดีลิป กุมาร์ อากาวาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.อินโดรามา โพลิเมอร์ส (IRP) คาดว่ารายได้และกำไรสุทธิในไตรมาส 2/52 จะเติบโตจากไตรมาส 1/52 ที่มีรายได้ 1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิ 681 ล้านบาท เนื่องจากช่วงไตรมาส 2 เป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ซึ่งโดยปกติมียอดขายสูงอยู่แล้ว และจะมีปริมาณขายในไตรมาส 2 นี้ จำนวน 2.5 แสนตัน
ส่วนทั้งปี 52 บริษัทยังคงเป้ารายได้ที่ 4.5 -4.7 หมื่นล้านบาท จากปีก่อน 4.1 หมื่นล้านบาท โดยเป็นประมาณการรายได้ตามภาวะค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้น ส่วนปริมาณการขายปี 52 อยู่ที่ 1.1 ล้านตัน จากปีก่อน 7.7 แสนตันหรือ เติบโต 20%จากปีก่อน เนื่องจากบริษัทจะมีกำลังการผลิตอีก 4.3 แสนตัน จากโรงงานสหรัฐอเมริกาที่คาดว่าจะเริ่มผลิตในเชิงพาณิชย์ในเดือน ก.ค.นี้ จะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตรวม 1.5 ล้านตัน/ปี จากเดิม 1.1 ล้านตัน/ปี
"ปีนี้รายได้ของบริษัทจะเติบโตกว่าปีก่อนชัดเจน เพราะเรามีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น และปีนี้น่าจะมีต้นทุนที่ถูกลง จากราคาวัตถุดิบและการลดต้นทุนด้านพลังงานของบริษัทด้วย" ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร IRP กล่าว
อย่างไรก็ตาม ในปี 52 บริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น ซึ่งอยู่ระหว่างการรอข้อสรุปจากบมจ. เสริมสุข (SSC) ในการขยายกำลังการผลิต ซึ่งเป็นลูกค้าหลักในสินค้าขวด PET โดยคาดว่าจะได้ข้อยุติในไตรมาส 3/52
ทั้งนี้ บริษัทได้เตรียมพร้อมแหล่งเงินทุนในการขยายกำลังการผลิตในประทศ จากกระแสเงินสดที่มีอยู่จำนวน 1.3 พันล้านบาท
ส่วนการเข้าซื้อกิจการอื่นของบริษัท ขณะนี้ยังไม่มีผู้เสนอขายกิจการให้บริษัท แต่มองโอกาสการลงทุนหากมีโอกาสที่ดี บริษัทก็พร้อมเข้าซื้อกิจการเพิ่ม แต่ขณะนี้ยังไม่มีการเสนอหรือเจรจากับผู้ผลิตรายใด
สำหรับต้นทุนการผลิตในช่วงครึ่งปีหลัง บริษัทคาดว่าหลังการผลิตพาราไซลีน และ MEG เข้ามาในตลาดมากขึ้น ทั้งจากจีนและตะวันออกกลาง คาดว่าจะทำให้ราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวลดลงและส่งผลดีต่อบริษัท ที่ใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านี้ในการผลิตขวด PET