(เพิ่มเติม) บล.ไอร่า ย้ำแผนเข้าตลาดหุ้นปี 52 หลังธ.มาเลย์ปล่อยกู้ 150ลบ.ขยายธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday June 15, 2009 12:39 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บล.ไอร่า ปรับแผนงานมาเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ภายในไตรมาส 4/52 จากเดิมที่กำหนดจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ mai โดยขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างการขยายธุรกิจ ซึ่งล่าสุดได้กู้เงินจากธนาคาร RHB Bank Berhad จากมาเลเซีย 150 ล้านบาท ขณะนี้บริษัทได้เปิดธุรกรรมใหม่ ได้แก่ Globle Trading และ Private Fund ส่วนธุรกิจ SBL คาดว่าจะเริ่มได้ภายในไตรมาส 3/52

ทั้งนี้ บริษัทคาดว่าจะจะปรับเพิ่มจำนวนหุ้นที่จะเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไป(IPO)จากเดิมคาดไว้ 120 ล้านหุ้น โดยจะเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาในเดือน ก.ค.-ส.ค.นี้

นายทรงพล บุนนาค สายงานพัฒนาธุรกิจ บล.ไอร่า เปิดเผยว่า จากการที่บริษัทได้เปลี่ยนผู้สอบบัญชีเป็นบริษัท ไพรซ์วอเตอร์เฮ้าส์ คูเปอร์ส เอบีเอส จำกัด และได้ปรับงบบัญชีตามมาตรฐานใหม่พบว่า ในปี 51 บริษัทมีกำไรสุทธิมากกว่าที่ประกาศไว้ที่ 22 ล้านบาท โดยเมื่อปรับปรุงแล้วบริษัทจะมีกำไรสุทธิยกมาในปี 52 จำนวนประมาณ 50 ล้านบาท ทำให้หุ้นของบริษัทเข้าเกณฑ์ที่จะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET)

ดังนั้น จำนวนหุ้น IPO ที่เดิมเตรียมไว้ 120 ล้านหุ้นเพื่อเข้าตลาด mai จึงต้องปรับเพิ่มขึ้น โดยจะเป็นหุ้นเพิ่มทุนใหม่หรือจากผู้ถือหุ้นเดิม ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการบริษัทที่จะพิจารณาประมาณเดือน กค.-ส.ค.นี้

ปัจจุบันบริษัทมีทุนจดทะเบียน 720 ล้านบาท และมีทุนชำระแล้ว 600 ล้านบาท โดยมี บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัดเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน(FA)

"ตอนนี้ตลาด qualified แล้ว ทาง FA แจ้งว่าไม่เดือนนี้ก็เดือนหน้า คาดว่า ก.ล.ต.คงจะ approve หุ้นเราได้ ก็คิดว่าน่าจะเข้าตลาดในไตรมาส 4 นี้ แต่ขึ้นอยู่กับภาวะตลาด ถ้าตลาดไม่ดี ก็คงไม่เข้า เพราะเราไม่ need รีบเข้าตลาด" นายทรงพล กล่าว

ด้านนางนลินี งามเศรษฐมาศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ไอร่า การร่วมลงนามสัญญาให้การสนับสนุนทางด้านการเงินระหว่างธนาคาร RHB Bank Berhad จากมาเลเซีย จำนวน 150 ล้านบาทในวันนี้แล้ว ทาง ธนาคาร RHB Bank Berhad ก็ยังเป็นพันธมิตรด้านวาณิชธนกิจ ที่ปรึกษาทางการเงิน รวมถึงมีโอกาสส่งคำสั่งซื้อขายหุ้นจากนักลงทุนต่างประเทศในมาเลเซียด้วย

การเตรียมตัวของธุรกิจหลักทรัพย์ของบริษัทให้มีความหลากหลายมากขึ้นแทนที่จะพึ่งพิงกับธุรกิจนายหน้าค้าหลักทรัพย์อย่างเดียว เพื่อกระจายความเสี่ยง และรองรับธุรกิจเปิดเสรี ซึ่งในปี 53 บริษัทจะเริ่มใช้ Full scale online business ซึ่งช่วยลดต้นทุนของธุรกิจค้าหลักทรัพย์ รวมทั้งบริษัทมยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ

ในด้านธุรกิจหลักทรัพย์บริษัทได้วางแผนล่วงหน้ารองรับการเปิดเสรีไว้แล้ว และคาดว่าจะมีการแข่งขันสูงในปีหน้าอย่างชัดเจน

"ความอยู่รอดของบริษัท เราต้องเปลี่ยนตัวเองไปตามสถานกาณณ์ จะไม่ fixed policy เพื่อให้ฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ เหมือนกับเรือใบที่วิ่งไปตามกระแสลม อย่าทวนกระแสลม" นางนลินี กล่าว

*ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาดปี 52 อยู่ที่ 2.75%

นายนคร ดลศรีชัย กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ บล.ไอร่า กล่าวว่า ปีนี้บริษัทคาดว่าจะมีส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในธุรกิจหลักทรัพย์ที่ระดับ 2.75% จากปีก่อนอยู่ที่ 1.04% โดย ณ สิ้นพ.ค.52 บริษัทมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มเป็น 2.35% ที่ผ่านมาเติบโตจากนักลงทุนรายย่อย ซึ่งปัจจุบันมีประมาณ 3 พันบัญชี โดยจำนวนนี้เป็นบัญชี Acitve 33.5% จากเมื่อ 2 ปีก่อนที่มีบัญชีอยู่ 600 บัญชี

แต่ครึ่งปีหลังคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนนักลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ โดยคาดว่าสิ้นปีนี้ จะมีสัดส่วนสถาบัน 10-20% จากปัจจุบันไม่มี ขณะที่นักลงทุนรายย่อยสัดส่วนลดไปที่ 80% จาก 100% ในขณะนี้ เนื่องจากการให้บริการ กองทุนส่วนบุคคล(private fund) และ Global Trading

"เราไม่สนใจที่จะไปควบรวมกับใคร เราแข่งกับตัวเราเอง" นายนคร กล่าว

ทั้งนี้มองว่าดัชนีหุ้นไทยในปีนี้อยู่ที่ระดับ 600-650 จุด เชื่อว่าธุรกิจค้าหลักทรัพย์จะมีการแข่งขันสูงขึ้น โดยเฉพาะปีหน้า จึงพยายามกระจายรายได้ไปธุรกิจอื่น ทั้งนี้ รายได้จากค้าหลักทรัพย์ 90% และจากธุรกิจวานิชธนกิจราว 10%

ด้านนายไพโรจน์ เหลืองเถลิงพงษ์ รองกรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจการเงิน บล.ไอร่า กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทมีดีลควบรวมกิจการ ราว 5-6 ดีล มูลค่าประมาณ 5-6 พันล้านบาท โดยเป็นการควบรวมกิจการในกลุ่มพลังงานทดแทน ธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งมีทั้งบริษัทในและนอกตลาด คาดว่าปีนี้จะปิดดีลได้ราว 2-3 ดีล ส่วนดีล IPO ยังมีน้อย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ