นางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าส่วนแบ่งการตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ในปี 52 เพิ่มขึ้นเป็น 4.5% จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.16% โดยหวังว่าจะติดอันดับ 1 ใน 5 บริษัทหลักทรัพย์ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุด จากขณะนี้ติดอันดับที่ 6
บริษัทมีกลยุทธ์การวางกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอย่างสมดุลตามกลุ่มลูกค้าทั้ง 3 ประเภท คือ ลูกค้าสถาบันทั้งในและต่างประเทศ 40% และลูกค้าบุคคลธรรมดา 60% ซึ่งสอดคล้องกับภาพโดยรวมของอุตสาหกรรม
นอกจากนี้ บริษัทจะเริ่มดำเนินธุรกิจใบอนุญาตประกอบธุรกิจประเภทกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ในครึ่งปีหลัง พร้อมทั้งมีแผนทำโรดโชว์ต่างประเทศกับ 9 บริษัทจดทะเบียน ระหว่างวันที่ 25-26 มิ.ย.จะไปสหรัฐฯ และ 29-30 มิ.ย.จะเดินทางไปที่อังกฤษ
ด้านนางสาวสุวภา เจริญยิ่ง กรรมการผู้จัดการ สายธุรกิจวาณิชธนกิจ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า ขณะนี้บริษัทมีหุ้น IPO ในมือ จำนวน 3 บริษัท ที่รอจะเข้าจดทะเบียนในตลาด SET คาดว่าจะเข้าจดทะเบียนได้ในช่วงไตรมาส 3 ของปีนี้หลังจากที่บริษัทได้มีการประเมินสถานการณ์โดยรวมแล้ว เพราะภาวะปัจจุบันที่ผันผวน เป็นปัจจัยสำคัญสำหรับหุ้น IPO ทั้งการกำหนดราคาและเม็ดงเนที่ได้จากการระดมทุน
นอกจากนี้บริษัทยังเป็นผู้เสนอขายหุ้นกู้อีกจำนวน 2-3 บริษัทในช่วงไตรมาส 3 ปี 52 ขนาด 2-3 พันล้านบาทต่อดีล รวมถึงเป็นที่ปรึกษาเสนอขายกองทุนอสังหาฯ จำนวน 3 กองทุน รวมมูลค่า 2-3 พันล้านบาท แต่ระยะเวลาต้องขอพิจารณาอีกครั้ง รวมทั้งมีดีลควบรวมกิจการอีก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้
ด้านนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานกรรมการบริษัทและประธานกรรมการบริหาร บล.ธนชาต กล่าวว่า บริษัทคงไม่มีแผนที่จะควบรวมกิจการ เนื่องจากบริษัทมีกลยุทธและมีพื้นฐานที่สามารถแข่งขันได้ ทั้งในเรื่องของกลุ่มลูกค้าและบทวิเคราะห์ ที่สามารถสอดคล้องกับความต้องการของลูกค้า และความผันผวนของตลาดในปัจจุบันที่มีทั้งสิ้น กลาง และยาว ทำให้การซื้อขายมีความสมบูรณ์
ทั้งนี้ มองว่าโบรกเกอร์ที่จะอยู่ได้เมื่อเปิดเสรีจะอยู่ที่การให้บริการและคุณภาพ รวมถึงต้นทุนก็ถือว่าจำเป็น โดยบริษัทมีแผนที่จะลดจำนวนสาขาให้เหลือ 25 แห่ง จาก 27 แห่งในปัจจุบัน โดย 2 สาขาที่จะปิด คือ เยาวราชกับสยามสแควร์
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ของบริษัทมาจาก ธุรกิจนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ 80% IB และอื่นๆ รวมกัน 20%
"เราถือว่าสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตต่างๆมาหมดแล้ว ธุรกิจหลักทรัพย์จะเป็นไปตามเศรษฐกิจซึ่งเมื่อ Swing ก็จะแรงตามอยู่ที่ว่าใครจะสามารถบริหารจัดการตัวเองอย่างไร"นายสมเจตน์ กล่าว