นางอัศวินี ไตลังคะ กรรมการผู้จัดการ บล.ธนชาต เปิดเผยว่า สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ส่งหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต. )เพื่อขอแก้ไขอัตราการคิดค่าคอมมิชชั่นแบบขั้นบันไดที่จะบังคับใช้ในปี 53 โดยให้ขยับอัตราที่จะสามารถต่อรองค่าคอมมิชชั่นได้ จากมูลค่าคำสั่งซื้อมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไป ให้เป็นมากกว่า 100 ล้านบาทขึ้นไป
เนื่องจากทางสมาคมประเมินว่าหากใช้ขั้นบันไดตามเกณฑ์เดิมจะส่งผลต่อตัวโบรกเกอร์ทำให้ไม่สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้ หรืออาจขาดทุน ประกอบกับ มูลค่าการซื้อขายในปัจจุบันเฉลี่ยในแต่ละวันมีปริมาณที่น้อย
ทั้งนี้ สมาคมฯ มองว่าหากให้มีการต่อรองเสรีค่าคอมมิชชั่นจากมูลค่าซื้อขายมากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไปอาจจะทำให้ค่าเฉลี่ยค่าคอมของโบรกเกอร์ลดลงไปมาก ซึ่งคาดว่าจะเหลือประมาณ 0.01 % จากปัจจุบันค่าเฉลี่ยจะอยู่ที่ 0.24% จากที่นำค่าคอมมิชชั่นทั้งจากอินเตอร์เน็ตเทรดดิ้งและจากมาร์เก็ตติ้งมาคิดเฉลี่ยกัน นอกจากนี้ยังเห็นว่าการเปิดเสรีค่าคอมมิชชั่นควรจะมีมูลค่าการซื้อขายที่เหมาะสมราว 3 หมื่นล้านบาทบริษัทหลักทรัพย์จึงจะอยู่รอด
"เรื่องนี้ทางสมาคมบริษัทหลักทรัพย์คงจะต้องมีการศึกษาว่าหากหากให้มีการต่อรองเสรีค่าคอมมิชชั่นที่มีมูลค่ามากกว่า 20 ล้านบาทขึ้นไปโบรกไหนจะได้รับผลกระทบบ้าง เพราะตอนนี้หากพูดถึงวอลลุ่มก็ไม่ได้มาก ดังนั้นหากเปิดให้ต่อรองได้ rate ที่เหมาะสมน่าจะที่ 100 ล้านบาทและภายใต้วอลลุ่มการซื้อขายด้วยที่เฉลี่ยประมาณ 3 หมื่นล้านบาทต่อวัน"นางอัศวินี กล่าวนางอัศวินี คาดว่า มูลค่าการซื้อขายตลาดเฉลี่ยทั้งปี 52 จะอยู่ที่ 1.4 หมื่นล้านบาท โดยเฉพาะมูลค่าการซื้อขายในครึ่งหลังปี 52 จะอยู่ที่ 1.5 หมื่นล้านบาท ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 ที่ผ่านมาที่มูลค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 8.5 พันล้านบาท/วัน และในไตรมาส 2/52 ปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.5 หมื่นล้านบาท/วันจากปริมาณการซื้อขายที่มากขึ้น
จากมูลค่าการซื้อขายของตลาดรวมที่เพิ่มขึ้นอาจจะส่งผลดีต่อโบรกเกอร์ที่เคยขาดทุนในไตรมาส 1/52 กลับมามีกำไรในไตรมาส 2/52 ได้ โดยจุดคุ้มทุนของบริษัทอยู่ที่วอลลุ่มตลาดเฉลี่ยต่อวันที่ 9 พันล้านบาทภายใต้ส่วนแบ่งตลาด(มาร์เก็ตแชร์)ที่ 4%