CPALL คาด Q2/52รายได้โตกว่า Q2/51เหตุมีวันหยุดยาวพิเศษ-สินค้าใหม่เพิ่ม

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday June 23, 2009 16:30 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเกรียงชัย บุญโพธิ์อภิชาติ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการการเงินและลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ซีพี ออลล์(CPALL) คาดว่า รายได้ในช่วงไตรมาส 2 จะดีกว่างวดเดียวกันของปีก่อน หลังจากมีวันหยุดยาวพิเศษ รวมทั้งมีสินค้าใหม่ในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มวางจำหน่ายภายในร้าน 7-Eleven เพิ่มมากขึ้น

ดังนั้น บริษัทจึงมั่นใจว่ารายได้ทั้งปี 52 จะสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่ 15% จากปีก่อนที่มียอดขาย 9.8 หมื่นล้านบาท ประกอบกับ บริษัทยังคงเดินหน้าขยายสาขาตามแผน 450 สาขา โดยในครึ่งปีแรกสามารถขยายสาขาได้แล้วกว่า 200 สาขา ซึ่งบริษัทมีงบลงทุน 3.5-4 พันล้านบาทในการขยายสาขา มาจากกระแสเงินสดทั้งหมด

สำหรับการเข้าร่วมโครงการสะสมหุ้นสำหรับพนักงานบริษัทจดทะเบียน (Employee Joint Investment Plan) หรือ EJIP นั้น นายเกรียงชัย กล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีพนักงานที่มีอายุงานไม่น้อยกว่า 3 ปี จำนวน 500-600 คน คาดว่าในจำนวนดังกล่าว 80-90% จะสนใจลงทุนในการสะสมหุ้นของบริษัท เนื่องจากบริษัทจะมีการอุดหนุนโดยการร่วมสะสมหุ้น 80% ของจำนวนเงินที่ลงทุน โดยจำกัดว่าผู้ร่วมโครงการจะต้องลงทุนไม่เกิน 7% ของเงินเดือนในแต่ละเดือน และจะเปิดโอกาสให้ขายได้ 50% ในเวลาปีครึ่งจากอายุโครงการ 3 ปี

อนึ่ง ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท CPALL ครั้งที่ 7/2551 เมื่อวันที่ 13 พ.ย.51 และครั้งที่ 2/2552 เมื่อวันที่ 13 พ.ค.52 อนุมัติ และกำหนดระยะเวลาโครงการ EJIP ซึ่งเป็นโครงการลงทุนซื้อหุ้นสะสมของบริษัทเป็นรายงวดเพื่อเป็นรูปแบบหนึ่งของการให้ผลตอบแทนกับพนักงานของบริษัทและบริษัทย่อย ระยะเวลาโครงการ ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.52 ถึงวันที่ 30 มิ.ย.55 รวมระยะเวลา 3 ปี

รูปแบบของโครงการ บริษัทจะหักเงินเดือนผู้ที่มีสิทธิ และสมัครใจเข้าร่วมโครงการในอัตราไม่ เกินร้อยละ 7 ของเงินเดือนในแต่ละเดือนจนกว่าจะสิ้นสุดโครงการเพื่อสะสมเข้ากองทุน และบริษัทจะสมทบในอัตราร้อยละ 80 ของเงินที่หักจากผู้ที่ร่วมโครงการทุกเดือน โดย บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) ซึ่งได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้ดำเนินโครงการ จะนำเงินสะสมของผู้เข้าร่วมโครงการรวมกับเงินสมทบของบริษัทไปซื้อหุ้น CPALL ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ภายในวันที่บริษัทกำหนดของทุกเดือน

เงื่อนไขการถือครองหลักทรัพย์ ผู้ที่เข้าร่วมโครงการมีสิทธิขายหุ้นโดยตรงในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อโครงการมีอายุครบ 1 ปี 6 เดือน(30 ธันวาคม 2553) ในจำนวนไม่เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนหุ้นที่มีอยู่และสามารถขายหุ้นได้ทั้งหมดเมื่อครบกำหนดโครงการ (30 มิถุนายน 2555) เว้นแต่ผู้เข้าร่วมโครงการพ้นสภาพจากการเป็นพนักงานของบริษัท เกษียณอายุ ถึงแก่กรรม หรือขอลาออกจากโครงการ

บริษัทและบริษัทย่อยที่เข้าร่วมโครงการ ได้แก่ บมจ.ซีพี ออลล์, บริษัท ซีพี ค้าปลีกและการตลาด จำกัด, บริษัท เคาน์เตอร์เซอร์วิส จำกัด, บริษัท รีเทลลิงค์ (ไทยแลนด์) จำกัด, บริษัท โกซอฟท์ (ประเทศไทย) จำกัด, บริษัท เอ็ม เอ เอ็ม ฮาร์ท จำกัด และ บริษัท ปัญญธารา จำกัด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ