นายธีรพันธุ์ จิตตาลาน กรรมการผู้จัดการ บลจ.นครหลวงไทย จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้าสินทรัพย์สุทธิภายใต้การบริหาร (AUM) สิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 5-6 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันอยู่ที่ 4.43 หมื่นล้านบาท และใน 3 ปีข้างหน้าตั้งเป้า AUM ไปแตะที่ 1 แสนล้านบาท
"ตอนนี้เราพยายามในการปรับภาพลักษณ์องค์กรให้เป็นที่รู้จักกับนักลงทุนมากขึ้นรวมถึงการสร้างความเชื่อมั่นในการให้บริการกับลูกค้าเพราะในอนาคตเมื่อมีสถาบันรับประกันเงินฝาก บลจ.จะมีบทบาทมากขึ้น การที่เราตั้งเป้า AUM ที่ 1 แสนล้านบาทใน 3 ปีข้างหน้าเป็นสิ่งที่ท้าทายภายใต้องค์กรที่มีขนาดเล็ก แต่ถ้าทำได้ในระดับ 1 แสนล้านบาทก็อยู่สบาย ไม่เหนื่อย"นายธีรพันธุ์ กล่าว
ในเร็ว ๆ นี้ บริษัทจะออกกองทุนใหม่ 2 กอง มูลค่ารวม 3 พันล้านบาท โดยเป็นกองทุนหุ้นในประเทศจีนขนาด 1.5 พันล้านบาท และ กองทุน commodity ขนาด 1.5 พันล้านบาท เป็นลักษณะปรับเปลี่ยนการลงทุนได้ทุกเดือน ซึ่งทั้ง 2 กอง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)โดยคาดว่าจะเสนอขายได้ในเดือน ส.ค.นี้
รวมทั้งจะออกกองทุนตราสารหนี้ในต่างประเทศและในประเทศ โดยยังคงออกกองทุนพันธบัตรเกาหลีต่อเนื่องจากก่อนหน้านี้ที่ออกมาได้ผลตอบรับที่ดีในอัตราดอกเบี้ย 4.75% (กองเดิมที่ออกไปแล้ว) ส่วนกองใหม่เป็นการออกสัปดาห์ละ 2 กอง ระยะเวลา 6 เดือน และ 1 ปี
นอกจากนั้น บริษัทยังอยูี่ระหว่างการประเมินภาวะตลาดเพื่อออกกองทุนพร็อพเพอร์ตี้ฟันด์ 1-2 กอง โดยจะรอดูจังหวะที่เหมาะสม ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการหารือกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ทั้งในธุรกิจโรงแรม บ้านเช่าและอพาร์ทเม้นท์ คาดว่าในครึ่งปีหลังจะได้ข้อสรุป และหากดำเนินการก็จะมีขนาดกองไม่เกิน 1,000 ล้านบาท
ในปีนี้ บลจ.นครหลวงไทยมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์เพื่อรองรับลูกค้าในการทำธุรกรรมการลงทุนมากขึ้นไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบจัดการเงินสดและการชำระเงินการปรับปรุงการลงทุนผ่านอินเตอร์เน็ตซึ่งจะทำให้ลูกค้าทำธุรกรรมผ่านอินเตอร์เน็ตได้คาดว่า 1-2 เดือนน้าจะได้เห็นการทำธุรกรรมผ่านเน็ต