สมาคมตราสารหนี้ไทย คาดว่า ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ภาคเอกชนจะออกหุ้นกู้ราว 1.0-1.5 แสนล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งปีแรกมีการออกหุ้นกู้ไปแล้ว 2.2 แสนล้านบาท ซึ่งจะทำให้วงเงินหุ้นกู้ทั้งปี 52 มีโอกาสสร้างสถิติใหม่ถึง 3.7 แสนล้านบาท ทะลุเป้าหมายที่คาดไว้ในช่วงต้นปีที่ 3 แสนล้านบาท โดยสาเหตุที่มีการออกหุ้นกู้อย่างคึกคักในปีนี้ส่วนหนึ่งเพื่อเป็นการรีไฟแนนซ์หนี้เดิม และสถาบันการเงินหลายแห่งต้องการระดมเงินเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับเงินกองทุน
"ดูแล้วค่อนข้างมั่นใจว่าปีนี้ ยังไงก็น่าจะเลยระดับ 3 แสนล้านบาทที่เป็นเป้าหมายแน่ๆ หากครึ่งปีหลังมีการออกหุ้นกู้คึกคักถึง 1.5 แสนล้านบาทจริงๆ จะยิ่งเท่ากับว่าปีนี้การออกหุ้นกู้มากเป็นประวัติการณ์" นายณัฐพล ชวลิตชีวิน กรรมการผู้จัดการ สมาคมตราสารหนี้ไทย กล่าว
ในช่วงเดือนก.ค.นี้ มีหุ้นกู้เตรียมออกใหม่ถึง 3.8 หมื่นล้านบาท ได้แก่ บมจ. ปตท. (PTT) วงเงิน 3 หมื่นล้านบาท หลังจากรายใหญ่เช่น บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เตรียมจะออก 1 หมื่นล้านบาท
นายณัฐพล กล่าวว่า จากวิกฤติการณ์การเงินของโลก ทำให้เอกชนกู้เงินจากต่างประเทศ หรือ สถาบันการเงินได้ยากขึ้น จึงหันมาระดมทุนในประเทศแทนกันมาก และสัดส่วนขายให้กับนักลงทุนรายย่อยเก็เพิ่มขึ้น โดยครึ่งแรกปีนี้ขายให้รายย่อยในสัดส่วน 83% จากปี่กอนที่มีสัดส่วน 55%
"ผมคิดว่าแนวโน้มเอกชนจะออกหุ้นกู้เองมากขึ้นต่อเนื่อง และหันไปขายให้รายย่อยยมากขึ้น เพราะกองทุนรวมก็ไม่ลงทุน"นายณัฐพล กล่าว
อย่างไรก็ตาม คาดว่าเอกชนที่จะออกหุ้นกู้หลังจากกระทรวงการคลังเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาท จะทำให้ต้นทุนของหุ้นกู้ของเอกชนสูงขึ้น เพราะนักลงทุนคาดหวังว่าจะได้ผลตอบแทนสูงกว่า รวมทั้ง จำนวนหุ้นกู้ที่จะเสนอขายในช่วงครึ่งปีหลังก็ยังมีอยู่มาก
"หุ้นกู้ที่ออกหลังพันธบัตรออมทรัพย์ จะทำให้ต้นทนสูงขึ้นประมาณ 30-50 bps หรืออาจแพงกว่านี้ เพราะนักลงทุนเขา expect ผลตอบแทนสูง ซึ่งเป็นทางเลือกให้กับผู้ออมเงิน"นายณัฐพล กล่าว
ทั้งนี้ ในช่วง 13-21 ก.ค.นี้ กระทรางการคลังออกเสนอขายพันธบัตรออมทรัพย์ 5 หมื่นล้านบาท อายุ 5 ปี โดยมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 4% และ คาดว่าในช่วงเดือน ส.ค.-ก.ย. หรือก่อนสิ้นงบประมาณ กระทรวงการคลังจะระดมเงินอีกครั้ง จะออกเป็นรูปตั๋วเงินคลัง หรือ ตั๋วสัญญาใช้เงิน