หุ้น TIES ราคาพุ่งพรวดขึ้น 10% มาอยู่ที่ 1.32 บาท เพิ่มขึ้น 0.12 บาท มูลค่าซื้อขาย 18.84 ล้านบาท เมื่อเวลา 15.44 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.20 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.34 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.20 บาท
ส่วนหุ้นลูก TIES-W1 ราคาอยู่ที่ 0.64 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท(+3.23%)มูลค่าซื้อขาย 9.09 ล้านบาท
นายฉาย บุนนาค นักลงทุนรายใหญ่ เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า การที่ได้เข้าไปซื้อหุ้น บมจ.ไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม(TIES)และ TIES-W1 จนปัจจุบันถือหุ้นในสัดส่วนที่สูงมากนั้น ไม่ใช่ความตั้งใจ แต่สาเหตุที่แท้จริงเพราะติดหุ้น เนื่องจากซื้อเข้าพอร์ตแล้วก็ติดธุระทำให้ไม่มีเวลาดูราคาหุ้นเลย กลับมาดูอีกครั้งราคาหุ้นก็ไหลลงไปแล้ว จะขายก็ขาดทุน จึงปล่อยไว้
"ที่จริงเป็นเพราะผมติดหุ้น TIES และ TIES-W1 ตอนที่เข้าไปซื้อหุ้น TIES ราคาอยู่ที่ 2 บาทกว่า มาวันนี้เหลือแค่ 1 บาทกว่า ส่วนหุ้นลูก TIES-W1 ตอนที่ซื้อก็อยู่แถว 1.8 บาท ตอนนี้เหลือแค่ 0.62 บาทเท่านั้น สาเหตุที่ต้องติดหุ้นตัวนี้ เพราะหลังจากที่ได้ซื้อเข้าพอร์ตแล้วผมต้องไปอยู่ที่โรงพยาบาล ภรรยาคลอดลูก กลับมาดูราคาหุ้นอีกทีก็เห็นมันลงไปแล้ว จะขายก็ขายไม่ได้ เพราะดูแล้วขาดทุน"นายฉาย กล่าว
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ระบุว่า นายฉาย บุนนาค ได้หุ้น TIES-W1 มาเมื่อ 30 มิ.ย.52 จำนวน 6.94% ในราคาสูงสุด 2.28 บ./หน่วย และนางโฉมพิศ บุนนาค ได้หุ้น TIES-W1 มาเมื่อ 30 มิ.ย.52 จำนวน 4.84% ในราคาสูงสุด 2.30 บ./หน่วย โดยนางโฉมพิศ ได้ถือ TIES-W1 ทั้งสิ้น 6.61%
นักลงทุนรายใหญ่ กล่าวอีกว่า การจะเข้าไปบริหารงานใน TIES หรือไม่นั้น คงจะต้องรอดูอีกทีก่อน ขณะนี้ยังไม่ได้ตัดสินใจอะไร แม้ว่าขณะนี้ทางกลุ่มของตนจะมีสัดส่วนการถือหุ้น TIES จำนวนมากแล้วก็ตาม และตัวบริษัทเองก็มีศักยภาพทางธุรกิจค่อนข้างสูง
"พูดถึงไทยบริการฯ โดยดูจากผลงานที่เขาทำไว้ ผมเชื่อว่าบริษัทฯก็มีศักยภาพนะ การที่เขาขาดทุน ไม่ใช่เพราะเขาบริหารจัดการที่ไม่ดี แต่เขาขาดทุนเพราะเนื่องจากราคาวัตถุดิบ จึงเป็นสิ่งที่ไม่เกี่ยวกัน นี่ผมวิเคราะห์จากข่าวนะ เห็นเขาก็ได้งานมา ถ้าเขารับแบบเซฟ ๆ เขาก็น่าจะกลับมามีกำไรได้ ตอนนี้ผมก็อยากจะเห็นโครงสร้างผู้ถือหุ้นของ TIES เหมือนกัน เห็นเขาบอกว่าจะปิดบุ๊คนะ"นักลงทุนรายใหญ่ กล่าว
ผลประกอบการ TUES งวดไตรมาส 1/52(สิ้นสุด 31 มี.ค.)มีผลขาดทุน 8.32 ล้านบาท ลดลงเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2551 ที่มีผลกำไรอยู่ที่ 9.82 ล้านบาท
ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของ TIES 5 อันดับแรกล่าสุดเมื่อ 29 พ.ค.2552 ประกอบด้วย นายธาดา จีรัญพงษ์ ถือหุ้น 21.28%, นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ถือหุ้น 19.57%, นางโฉมพิศ บุนนาค ถือหุ้น 4.97%, นายสมพล เต็มสุข ถือหุ้น 4.30% และนายณัฐ กันตรัตนากุล ถือหุ้น 4.26%
นายธีระพล เต็มสุข กรรมการ TIES กล่าวว่า ในวันจันทร์ที่ 13 ก.ค.นี้บริษัทจะมีการสรุปสัดส่วนผู้ถือหุ้น ก็จะทราบโครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุด